สมคิด ลุยดึงจีนลงทุนอีอีซี
Loading

สมคิด ลุยดึงจีนลงทุนอีอีซี

วันที่ : 30 เมษายน 2562
รัฐบาลจีนดึงธุรกิจไทยร่วมลงทุนรายมณฑลเชื่อมอีอีซี นำร่อง "เหอหนาน"ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน หวังรถไฟเร็วสูง 3 สนามบิน จุดประกายความร่วมมือ 3 ชาติ พัฒนาสมาร์ทซิตี้ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี "สกพอ."เซ็นเอ็มโอยู "สนามบินเจิ้งโจว" ร่วมพัฒนาอู่ตะเภา
          รัฐบาลจีนดึงธุรกิจไทยร่วมลงทุนรายมณฑลเชื่อมอีอีซี นำร่อง "เหอหนาน"ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน หวังรถไฟเร็วสูง 3 สนามบิน จุดประกายความร่วมมือ 3 ชาติ พัฒนาสมาร์ทซิตี้ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี "สกพอ."เซ็นเอ็มโอยู "สนามบินเจิ้งโจว" ร่วมพัฒนาอู่ตะเภา

          นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง(Belt and Road Forum for International Cooperation-BRF) ครั้งที่ 2 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า รัฐบาลจีนให้เกียรติไทยสูงมาก แม้หลังการเลือกตั้ง ยังไม่มีรัฐบาลใหม่แต่ให้พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้พบผู้นำของจีนถึง 3 คนคือ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดี นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี และนายหาน เจิ้น รองนายกรัฐมนตรี

          นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวชมไทยที่เข้ามา ร่วมเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiatives : BRI) ซึ่งทำให้โอกาสที่ไทยจะไปทำการค้า และการลงทุนเชื่อมมณฑลต่างๆ ได้รับ การยอมรับจากรัฐบาลและนักธุรกิจระดับมณฑล

          พร้อมกันนี้ ได้แจ้งให้รัฐบาลจีนทราบว่า ได้นำคณะฝ่ายไทยเดินทางต่อมายังมณฑลเหอหนาน เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) กับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน ซึ่งรัฐบาลจีนสนับสนุนเต็มที่ จากที่ผ่านมาได้เชื่อมอีอีซีกับเขต อ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Greater Bay Area : GBA) "การที่รัฐบาลไทยเดินทางมาจีนครั้งนี้ ทำให้โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) จบได้ด้วยดี ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) ตกลงร่างสัญญาเรียบร้อยและ ส่งให้อัยการสูงสุดตรวจแล้ว เหลือเพียงเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็จะลงนามสัญญาได้เดือน พ.ค.นี้"ชี้ไฮสปีดตั้งต้นร่วมมือ3ชาติ

          นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า สกพอ.จะเร่งผลักดัน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งจะ ทำให้ชื่อของไทยติดตลาดไปอีกนาน โดยโครงการในอีอีซีเดินหน้า และเดือน พ.ค.นี้ โครงการหลักทั้งหมด 4 โครงการ จะลงนาม กับผู้ชนะประมูล คือ 1.รถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน 2.ท่าเรือแหลมฉบัง 3.ท่าเรือมาบตาพุด 4.สนามบินอู่ตะเภาและเมือง การบินภาคตะวันออก

          สำหรับการเจรจารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินที่เจรจาจบมีนัยสำคัญมาก เพราะเป็นโครงการแรกของความร่วมมือระหว่างจีนและญี่ปุ่นในการไปลงทุนประเทศที่ 3 โดยพันธมิตรของกลุ่มซีพี ประกอบด้วยบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ,China Railway Construction Corporation Limited (จีน) ,บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ,บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) "จีน-ญี่ปุ่น"พัฒนาเมืองใหม่อีอีซี

          ทั้งนี้ พันธมิตรดังกล่าวอยู่ภายใต้ การปล่อยเงินกู้ของธนาคารเพื่อความ ร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(เจบิก) ที่ปล่อยกู้หัวรถจักรยี่ห้อฮิตาชิและธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีน(ซีดีบี) ที่ปล่อยกู้ การก่อสร้างราง ซึ่งความสำคัญที่เกิดขึ้น จึงไม่ใช่แต่เรื่องรถไฟความเร็วสูง แต่แสดง ให้โลกเห็นความร่วมมือของการพึ่งพาประเทศในเอเชียด้วยกัน "โครงการนี้เป็นความสำเร็จของความร่วมมือของภาคเอกชน 3 ประเทศ คือ ไทย จีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่นำไปสู่การร่วมมือโครงการอื่นในอีอีซี เช่น เมืองอัจฉริยะ และเมืองใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา หรือ จ.ชลบุรี ซึ่งเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ จะมีประชุมร่วมระหว่างจีนและญี่ปุ่นอีกครั้งในการไปลงทุนในประเทศที่ 3 ขณะที่ประเทศไทยได้ขึ้นมาอยู่แถวหน้าหลังจากหายไปเกือบ 20 ปี"

          "ไฮสปีด"โมเดลพัฒนาเมือง

          นายคณิศ กล่าวว่า การผลักดันรถไฟความเร็วสูงเป็นโมเดลการพัฒนาเมือง โดย ที่ไม่ใช่เพียงการพัฒนารถไฟอย่างเดียว และที่สำคัญโครงการนี้รัฐบาลจะใช้เงินลงทุน ที่น้อยที่สุด เพราะเอกชนจะลงทุนส่วนใหญ่ อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศ ที่จีนและญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมมือสนับสนุนจากสถาบันการเงินทั้งซีดีบีจากจีน และเจบิคจากญี่ปุ่น ส่วนเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ จะมาร่วมมือในโครงการ คือ จีนจะสร้างราง และญี่ปุ่นหารถมาวิ่งให้ ส่วนไทย จะเป็นผู้ที่ดูแลอำนวยความสะดวก

          นอกจากนี้ สกพอ.มีแนวคิดการออกมาตรการรองรับความเสี่ยงในระหว่างการก่อสร้างโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลักด้วย โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือในรายละเอียด ซึ่งการดูแลความเสี่ยงครั้งนี้ อาจจะต้องมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลด้านเงินทุน โดยหากภาคเอกชนประสบปัญหา เพราะจะช่วยให้โครงการลงทุนต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยที่ไม่เกิดอาการสะดุด จนกระทบกับแผนงานในภาพรวมของโครงการในอีอีซี

          จับมือจีนร่วมพัฒนาอู่ตะเภา

          เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา สกพอ. ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน โดยมีนายสมคิด ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งสาระสำคัญของ เอ็มโอยูฉบับนี้ มีอายุ 3 ปี ครอบคลุม ความร่วมมือพัฒนาศูนย์การบินคู่ขนาน และส่งเสริมการค้า และการลงทุนระหว่างเหอหนานกับอีอีซี โดยมีขอบเขตความ ร่วมมือส่งเสริมโครงการศูนย์การบินคู่ขนานสำหรับจีนตอนกลางและอาเซียน รวมถึงกระชับความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่สนามบินและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน เช่น การขนส่ง ทางอากาศ การซ่อมบำรุงอากาศยาน การอบรมบุคลากร การค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยี

          นอกจากนี้ จะตั้งศูนย์การบินมณฑลเหอหนาน ณ เขตเศรษฐกิจอากาศยานเจิ้งโจว รวมถึงศูนย์การบินประเทศไทย ท่าอากาศยานอู่ตะเภาหรือสถานที่อื่นที่เหมาะสมในอีอีซี รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ของแต่ละฝ่าย เช่น การจัดประชุมนิทรรศการ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดขึ้นในมณฑลเหอหนานและอีอีซี อีกทั้งขยายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการยกระดับสถานะไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ คมนาคม ธุรกิจ อุตสาหกรรมเป้าหมายและเป็นประตูสู่อาเซียน

          "การลงนามครั้งนี้จะเป็นผลดีที่ผลักดัน โครงการให้เดินหน้าเป็นศูนย์ด้านการบิน แบบเมืองคู่แฝด ระหว่างเจิ้งโจวและ อู่ตะเภา และจากนี้ยังเหลือเอ็มโอยูอีกฉบับที่นายสมคิดมอบการบ้านให้ปรับปรุง รายละเอียดให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งคาดว่า เดือน พ.ค.นี้ สกพอ.จะลงนามกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ อากาศยานเจิ้งโจว (ซีอีอีซี) เพื่อร่วมมือพัฒนา การสร้างเมืองการบินต่อไป"
 
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ