ประมูล 5 โปรเจค อีอีซีฉลุย
วันที่ : 2 มกราคม 2562
เมกะโปรเจคอีอีซี ประมูลคึกคัก ไตรมาส 1 ยื่นซองแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบิน เม็ดเงินกว่า 2.5 แสนล้านบาท ด้านศูนย์ซ่อมอากาศยาน การบินไทยจ่อลงนาม "แอร์บัส" ลงขันเฟสแรก 4 พันล้านบาท รฟท.เดินหน้าเจรจาไฮสปีด "ซีพี" เคาะชื่อ ชงเข้า ครม.ก่อนลงนามภายใน ม.ค.นี้ กนอ.เร่งประมูลมาบตาพุดเฟส 3 คาดได้ตัว ผู้ลงทุน มี.ค.นี้ เปิดดำเนินงานต้นปี 2568
เมกะโปรเจคอีอีซี ประมูลคึกคัก ไตรมาส 1 ยื่นซองแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบิน เม็ดเงินกว่า 2.5 แสนล้านบาท ด้านศูนย์ซ่อมอากาศยาน การบินไทยจ่อลงนาม "แอร์บัส" ลงขันเฟสแรก 4 พันล้านบาท รฟท.เดินหน้าเจรจาไฮสปีด "ซีพี" เคาะชื่อ ชงเข้า ครม.ก่อนลงนามภายใน ม.ค.นี้ กนอ.เร่งประมูลมาบตาพุดเฟส 3 คาดได้ตัว ผู้ลงทุน มี.ค.นี้ เปิดดำเนินงานต้นปี 2568
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะทำให้อีอีซีเป็นเกตเวย์สำคัญของไทยที่จะเชื่อมโลกทั้งในด้านของการเดินทางและการขนส่งสินค้า เพราะอีอีซีอยู่จุดยุทธศาสตร์ที่มีท่าเรือ เพื่อส่งออกไปมหาสุมทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเชื่อมโยงไปอาเซียน เช่น ท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ท่าเรือเวียดนาม รวมทั้งโครงข่ายทางถนนและระบบรางจะเป็น ส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการขนส่งทางเรือให้มีประสิทธิภาพ
นายอาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเป็น ส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในอีอีซี โดยสนับสนุนงบพัฒนาโครงข่าย ทางถนน ซึ่งพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง และ ในอนาคตจะเชื่อมพัทยา ท่าเรือมาบตาพุดและจันทบุรี รวมทั้งมีการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) แผนพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ศูนย์ฝึกบุคลากรการบินของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังประมูล
หวังดันอีอีซีเชื่อมภูมิภาค
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมต้องการให้อีอีซี เป็นเกตเวย์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องผลักดันการเชื่อมโครงข่ายการขนส่งไปหัวเมืองหลัก ได้แก่ นครราชสีมาและปราจีนบุรี เพราะเป็น จุดเชื่อมต่อสำคัญที่มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยกำลังเร่งพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการขยายถนน 304 เชื่อมผืนป่าปักธงชัย- กบินทร์บุรี ซึ่งเหลือการพัฒนาในตอนสุดท้ายแล้ว และอนาคตจะพัฒนาทางหลวงหมายเลข 348 สายอรัญประเทศ เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าข้ามจากลาว ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และเข้าสู่แหลมฉบัง
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) มูลค่า 2.2 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ขั้นตอนเจรจากับผู้เสนอขอเงินอุดหนุนจากรัฐ ต่ำที่สุด คือ กลุ่มซีพี และคาดว่าจะเสร็จ และนำไปสู่ขั้นตอนเสนอรายชื่อเอกชน ร่วมลงทุนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลางเดือน ม.ค.2562 และลงนามสัญญาร่วมเอกชนภายใน 31 ม.ค.2562
แหลมฉบังยื่นซอง 14 ม.ค.นี้
ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทนผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ส่วนแรกโซน F มูลค่าการลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท โดยหลังเปิดขายซองไปเมื่อ วันที่ 5-19 พ.ย.2561 มีเอกชนไทยและต่างชาติ สนใจร่วมซื้อซองประมูล 32 ราย เป็นบริษัทเดินเรือ และบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ของโลก เช่น บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัลของฮ่องกง และบริษัทแหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล ของดูไบ โดย กทท.กำหนดยื่นซองประมูล 14 ม.ค.2562 คาดว่า จะตัดสินผู้ชนะได้ในเดือน ก.พ.2562 และลงนามในสัญญาในต้นเดือน มี.ค.2562 ก่อนเริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค.2562
การบินไทย-แอร์บัสลงขัน4พันล้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศรายละเอียดคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้ วิธีประมูลไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2561 โดยการบินไทยร่วมลงทุนกับบริษัทแอร์บัสซึ่งการบินไทยลงทุน 50% และแอร์บัสลงทุน 50% โดยกองทัพเรือจะเป็นผู้พัฒนาโรงซ่อมอากาศยาน (แฮงก้า) ส่วนการบินไทยและแอร์บัสจะร่วมลงทุนงานระบบและส่วนอื่น งบประมาณลงทุนเบื้องต้น 4,000 ล้านบาท มีกำหนดลงนามสัญญาในไตรมาส 1 ปี 2562 ส่วนโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าการลงทุน 200,000 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือ เปิดขายทีโออาร์ไปเมื่อ 16-29 พ.ย.2561 โดยมีเอกชนไทยและต่างชาติร่วมซื้อ ซองประมูล 42 ราย และจะเปิดรับซองเอกสาร ในวันที่ 28 ก.พ.2562 ใช้เวลา 1 เดือนในการ พิจารณาข้อเสนอ และปลายเดือน มี.ค.2562 จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาก่อนลงนามสัญญา ซึ่งมีกำหนดส่งมอบพื้นที่ ให้เอกชนเข้าพัฒนาในช่วงปี 2564 ใช้เวลา 3 ปีดำเนินการก่อสร้างโครงการ เปิดให้บริการปี 2567
มาบตาพุดเปิดบริการปี 2568
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 มีเอกชนซื้อซองเอกสารการคัดเลือกแล้ว 18 ราย ประกอบด้วยนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการจัดทำข้อเสนออย่างสมบูรณ์แบบ ตามเงื่อนไขและระเบียบของกระบวนการ ขั้นตอนประมูลในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) โดยจะเปิดรับซองข้อเสนอด้านเทคนิคและราคา ในวันที่ 6 ก.พ.2562 และลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนภายในเดือน มี.ค.2562 และเปิดดำเนินการได้ในต้นปี 2568 สำหรับการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 (ช่วงที่ 1) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,000 ไร่ เพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ การลงทุนในอีอีซีในอนาคต โดยพื้นที่ ดังกล่าวประกอบด้วย พื้นที่ถมทะเลหลังท่าเพื่อใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่บ่อเก็บตะกอน ดินเลนระหว่างก่อสร้าง 450 ไร่ ความยาวหน้าท่า รวมกัน 2,200 เมตร โดยโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) มีขอบเขต คือ งานโครงสร้างพื้นฐาน และงานส่วนท่าเรือ และการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องบนพื้นที่ถมทะเล
ตั้งเป้ารองรับการพัฒนา30ปี
ทั้งนี้ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 ระยะ คือ 1.งานโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบและก่อสร้างจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ระบุ ไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน 2.งานท่าเรือก๊าซ การออกแบบและก่อสร้างส่วนที่ 1 เพื่อรองรับ ปริมาณไม่น้อยกว่า 5 ล้านตันต่อปี จะใช้เวลา ไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงานระยะที่ 2 และ 3.การประกอบกิจการ ท่าเรือก๊าซรวมถึงเป็นผู้จ่ายค่าสิทธิการ ร่วมลงทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามสัญญา ร่วมลงทุนกับ กนอ.เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี นับจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน ระยะที่ 3
โดยการพัฒนาท่าเรือนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติของท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่า จะรองรับการขนถ่ายสินค้าเหลวได้ 15 ล้านตันต่อปีในอีก 30 ปีข้างหน้า
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะทำให้อีอีซีเป็นเกตเวย์สำคัญของไทยที่จะเชื่อมโลกทั้งในด้านของการเดินทางและการขนส่งสินค้า เพราะอีอีซีอยู่จุดยุทธศาสตร์ที่มีท่าเรือ เพื่อส่งออกไปมหาสุมทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเชื่อมโยงไปอาเซียน เช่น ท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ท่าเรือเวียดนาม รวมทั้งโครงข่ายทางถนนและระบบรางจะเป็น ส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการขนส่งทางเรือให้มีประสิทธิภาพ
นายอาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเป็น ส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในอีอีซี โดยสนับสนุนงบพัฒนาโครงข่าย ทางถนน ซึ่งพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง และ ในอนาคตจะเชื่อมพัทยา ท่าเรือมาบตาพุดและจันทบุรี รวมทั้งมีการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) แผนพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ศูนย์ฝึกบุคลากรการบินของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังประมูล
หวังดันอีอีซีเชื่อมภูมิภาค
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมต้องการให้อีอีซี เป็นเกตเวย์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องผลักดันการเชื่อมโครงข่ายการขนส่งไปหัวเมืองหลัก ได้แก่ นครราชสีมาและปราจีนบุรี เพราะเป็น จุดเชื่อมต่อสำคัญที่มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยกำลังเร่งพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการขยายถนน 304 เชื่อมผืนป่าปักธงชัย- กบินทร์บุรี ซึ่งเหลือการพัฒนาในตอนสุดท้ายแล้ว และอนาคตจะพัฒนาทางหลวงหมายเลข 348 สายอรัญประเทศ เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าข้ามจากลาว ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และเข้าสู่แหลมฉบัง
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) มูลค่า 2.2 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ขั้นตอนเจรจากับผู้เสนอขอเงินอุดหนุนจากรัฐ ต่ำที่สุด คือ กลุ่มซีพี และคาดว่าจะเสร็จ และนำไปสู่ขั้นตอนเสนอรายชื่อเอกชน ร่วมลงทุนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลางเดือน ม.ค.2562 และลงนามสัญญาร่วมเอกชนภายใน 31 ม.ค.2562
แหลมฉบังยื่นซอง 14 ม.ค.นี้
ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทนผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ส่วนแรกโซน F มูลค่าการลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท โดยหลังเปิดขายซองไปเมื่อ วันที่ 5-19 พ.ย.2561 มีเอกชนไทยและต่างชาติ สนใจร่วมซื้อซองประมูล 32 ราย เป็นบริษัทเดินเรือ และบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ของโลก เช่น บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัลของฮ่องกง และบริษัทแหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล ของดูไบ โดย กทท.กำหนดยื่นซองประมูล 14 ม.ค.2562 คาดว่า จะตัดสินผู้ชนะได้ในเดือน ก.พ.2562 และลงนามในสัญญาในต้นเดือน มี.ค.2562 ก่อนเริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค.2562
การบินไทย-แอร์บัสลงขัน4พันล้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศรายละเอียดคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้ วิธีประมูลไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2561 โดยการบินไทยร่วมลงทุนกับบริษัทแอร์บัสซึ่งการบินไทยลงทุน 50% และแอร์บัสลงทุน 50% โดยกองทัพเรือจะเป็นผู้พัฒนาโรงซ่อมอากาศยาน (แฮงก้า) ส่วนการบินไทยและแอร์บัสจะร่วมลงทุนงานระบบและส่วนอื่น งบประมาณลงทุนเบื้องต้น 4,000 ล้านบาท มีกำหนดลงนามสัญญาในไตรมาส 1 ปี 2562 ส่วนโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าการลงทุน 200,000 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือ เปิดขายทีโออาร์ไปเมื่อ 16-29 พ.ย.2561 โดยมีเอกชนไทยและต่างชาติร่วมซื้อ ซองประมูล 42 ราย และจะเปิดรับซองเอกสาร ในวันที่ 28 ก.พ.2562 ใช้เวลา 1 เดือนในการ พิจารณาข้อเสนอ และปลายเดือน มี.ค.2562 จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาก่อนลงนามสัญญา ซึ่งมีกำหนดส่งมอบพื้นที่ ให้เอกชนเข้าพัฒนาในช่วงปี 2564 ใช้เวลา 3 ปีดำเนินการก่อสร้างโครงการ เปิดให้บริการปี 2567
มาบตาพุดเปิดบริการปี 2568
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 มีเอกชนซื้อซองเอกสารการคัดเลือกแล้ว 18 ราย ประกอบด้วยนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการจัดทำข้อเสนออย่างสมบูรณ์แบบ ตามเงื่อนไขและระเบียบของกระบวนการ ขั้นตอนประมูลในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) โดยจะเปิดรับซองข้อเสนอด้านเทคนิคและราคา ในวันที่ 6 ก.พ.2562 และลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนภายในเดือน มี.ค.2562 และเปิดดำเนินการได้ในต้นปี 2568 สำหรับการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 (ช่วงที่ 1) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,000 ไร่ เพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ การลงทุนในอีอีซีในอนาคต โดยพื้นที่ ดังกล่าวประกอบด้วย พื้นที่ถมทะเลหลังท่าเพื่อใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่บ่อเก็บตะกอน ดินเลนระหว่างก่อสร้าง 450 ไร่ ความยาวหน้าท่า รวมกัน 2,200 เมตร โดยโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) มีขอบเขต คือ งานโครงสร้างพื้นฐาน และงานส่วนท่าเรือ และการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องบนพื้นที่ถมทะเล
ตั้งเป้ารองรับการพัฒนา30ปี
ทั้งนี้ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 ระยะ คือ 1.งานโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบและก่อสร้างจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ระบุ ไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน 2.งานท่าเรือก๊าซ การออกแบบและก่อสร้างส่วนที่ 1 เพื่อรองรับ ปริมาณไม่น้อยกว่า 5 ล้านตันต่อปี จะใช้เวลา ไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงานระยะที่ 2 และ 3.การประกอบกิจการ ท่าเรือก๊าซรวมถึงเป็นผู้จ่ายค่าสิทธิการ ร่วมลงทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามสัญญา ร่วมลงทุนกับ กนอ.เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี นับจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน ระยะที่ 3
โดยการพัฒนาท่าเรือนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติของท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่า จะรองรับการขนถ่ายสินค้าเหลวได้ 15 ล้านตันต่อปีในอีก 30 ปีข้างหน้า
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ