บสก.ใจป้าลดหนี้รับบ้านคืน เปิดทางให้ลูกค้าเจรจา อุ้มรายย่อยหนี้ไม่เกิน5ล้าน ล้างเอ็นพีแอล2.8หมื่นล้าน
บสก.เปิดให้ลูกหนี้เอ็นพีแอล ประนอมหนี้จ่ายเงิน 80% ราคาประเมิน รับบ้านคืน
นายชูพงษ์ โภคะสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการ สุขใจ ได้บ้านคืน เพื่อเปิดให้ลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) กับ บสก. ทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันเป็นที่อยู่อาศัย ได้มีโอกาสประนอมหนี้และได้รับบ้านคืนเป็นของตัวเอง ด้วยเงื่อนไขผ่อนปรนเปิดให้ชำระหนี้ในอัตรา 80% ของราคาประเมินหลักประกัน
ทั้งนี้ สามารถเลือกชำระครั้งเดียว หรือผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี คิดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีรายใหญ่ (เอ็มแอลอาร์) ซึ่งปัจุบันอยู่ที่ 6.25% ตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระ นอกจากนี้ บสก.มีแนวคิดที่จะทำโครงการประนอมหนี้กับลูกหนี้ ที่ไม่มีหลักประกัน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลด้วย
"ตัวอย่างลูกหนี้มีภาระหนี้สินรวมดอกเบี้ยค้างชำระ 2 ล้านบาท แต่หลักทรัพย์ค้ำประกันมีมูลค่า 1 ล้านบาท ลูกหนี้สามารถที่จะนำเงิน 8 แสนบาท หรือ 80% ของราคาประเมิน มาไถ่ถอนหลักทรัพย์ค้ำประกันไปได้ หรือเอาบ้านกลับคืนไป ซึ่งจะแตกต่างกับเจ้าหนี้ทั่วไปถ้ามีการบังคับคดีขายสินทรัพย์หลักประกันแล้วไม่พอมูลหนี้ค้างชำระ เจ้าหนี้ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระเงินให้ครบตามยอดหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด" นาย ชูพงษ์ กล่าว
สำหรับคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นลูกหนี้ที่ บสก.มีภาระหนี้เงินต้นต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นบุคคลธรรมดาที่ยังไม่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด รวมถึงไม่มีภาระหนี้บัญชีอื่น และหรือไม่เป็นลูกหนี้ร่วม ผู้ค้ำประกัน ผู้จำนอง ผู้จำนำ ลูกหนี้อื่นของ บสก. โดยสามารถขอเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-29 ธ.ค. 2560
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บสก.บริหารเอ็นพีแอลทั้งหมด 76,254 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 437,082 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ 21,285 ราย รวมภาระหนี้เงินต้น 28,978 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของลูกหนี้ทั้งหมด และกว่า 70% เป็นลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการบังคับคดี โดยตั้งเป้าหมายลูกค้าเข้าโครงการ 10%
นายชูพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 1/2560 ทั้งระบบมีเอ็นพีแอล 3% หรือประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยในปีนี้ บสก.ตั้งเป้าหมายการรับซื้อเอ็นพีแอลประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกซื้อเอ็นพีแอลไปแล้ว 5,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 3 ราย และคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 4,900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว รวมทั้งยืนยันมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และยอมรับว่าภาษีที่ดินใหม่จะกระทบกับบริษัทด้วย