นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ อีอีซี เห็นชอบโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก 3 แห่ง คือ แหลมฉบัง ระยะที่ 3 มาบตาพุด ระยะที่ 3 และท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ควบคู่กับโครงการรถไฟทางคู่เชื่อมโยง 3 ท่าเรือ พร้อมกับมีระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อเข้ามาสนับสนุนโครงการอีอีซี ทำให้ตอนนี้มีโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของอีอีซีได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว หลังจากการประชุมครั้งก่อน ได้เห็นชอบโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการรถไฟความเร็วสูง ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมีมูลค่ารวมกันกว่า 700,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายอีอีซีเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน หรือกฎหมายอีอีซีแทร็ก เพื่อให้โครงการลงทุนสำคัญในอีอีซี สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว และลดระยะเวลาการจัดทำโครงการ ตั้งแต่เตรียมโครงการจนถึงการคัดเลือกเอกชนเสร็จสิ้นภายใน 8-10 เดือน จากขั้นตอนพีพีพีปกติ คาดว่า ร่างหลักเกณฑ์จะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ล่าสุดที่ประชุมได้เห็นชอบให้นำ 4 โครงการหลักเข้ามาใช้หลักเกณฑ์ นี้ คือ สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 และท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 รวมวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 691,471 ล้านบาท เบื้องต้นเชื่อว่า การลงทุนจะเกิดขึ้นประมาณปลายปี 60 นี้

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังเห็นชอบการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี พร้อมกับประกาศเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (อีอีซีดี) อีกทั้งยังได้มอบหมายให้มีการทำความเข้าใจในพื้นที่เพื่อแก้ไขข้อกังวลของประชาชน