วัสดุ-ก่อสร้างแข่งเดือด แห่ปรับกลยุทธ์เร่งยอดขาย
Loading

วัสดุ-ก่อสร้างแข่งเดือด แห่ปรับกลยุทธ์เร่งยอดขาย

วันที่ : 13 กันยายน 2560
วัสดุ-ก่อสร้างแข่งเดือด แห่ปรับกลยุทธ์เร่งยอดขาย

อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับปี 2560 ก็ว่าได้ เพราะปีนี้มีเวลาให้ผู้ประกอบการทำยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่มากนัก ซึ่งธุรกิจวัสดุ-ก่อสร้างก็เช่นกัน ในครึ่งปีแรกเกือบทุกรายอ่วมด้วยพิษสงครามราคาทำให้กำไรหดหายแถมภาพรวมตลาดยังติดลบไปเกือบทุกเซ็กเมนต์ ดังนั้นหลายบริษัทเลือกที่จะ

ปรับกลยุทธ์พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายในภาวะการแข่งขันรุนแรง

รังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต เปิดเผยว่า ใน 4 เดือนสุดท้ายของปี 2560 เชื่อว่าตลาดอิฐมวลเบาในประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรกที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ทั้งนี้จากการเร่งลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมตลาดอิฐมวลเบาเริ่มขยับมาทรงตัวดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวมปีนี้จะอยู่ราว 2,000 ล้านบาท และจะเริ่มเห็นตลาดฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2561 เป็นต้นไป คาดว่าตลาดรวมจะโตไม่ต่ำกว่า 10%

สำหรับสมาร์ทคอนกรีตได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานโดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มงานโครงสร้างและบล็อกตกแต่งเพื่อรองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร พร้อมทำการตลาดเชิงรุกเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้นเช่นโมเดิร์นเทรด รวมทั้งออนไลน์ให้มากขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มบล็อกตกแต่ง ปัจจุบันมีอยู่ 6 ลาย ประกอบด้วยมิติบล็อก คูนบล็อก สี่ช่องลม ดาวกระจาย แบมบู และพาวเวอร์บล็อก เพื่อตอบโจทย์ด้านการตกแต่งสวยงาม เทรนด์ความนิยมของงานก่อสร้างยุคปัจจุบัน บริษัทได้เตรียมออกลายใหม่ให้ครบ 10 ลาย ภายในสิ้นปีนี้

"จุดเด่นอยู่ที่การสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าของบริษัทกับสินค้าทั่วไปในตลาดก็คือ น้ำหนักเบา แข็งแรง กันเสียงและกันไฟตามมาตรฐานสากล ขนาดที่ใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดคือขนาด 30x30 เซนติเมตร (ซม.) ในตลาดขนาดอยู่ที่ 20x20 ซม." รังสี กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้ขยายตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีโดยเฉพาะใน สปป.ลาวและกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายโดยปีนี้เพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกที่ 2-3% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 1% และปี 2561 จะเพิ่มสัดส่วนส่งออก เป็น 5% อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการ เติบโตอย่างน้อย 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมกว่า 312 ล้านบาท

ด้าน อัครภัทร ทองน้ำตะโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควิกโคท โปรดักส์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ติดลบ 5-7% เนื่องจากมีสต๊อกโครงการอสังหาริมทรัพย์เหลือขายมีมากและสงคราม ราคาที่มีการแข่งขันสูงส่งผลทำให้ผู้ประกอบการหลายรายมีกำไรลดลง ส่วนในครึ่งปีหลังเชื่อว่าตลาดเริ่มทรงตัวเนื่องจากมีการลงทุนโครงการของภาครัฐที่จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเห็นสัญญาณตลาดฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป คาดว่าตลาดรวมปีนี้ติดลบที่ 5%

ขณะที่ "ปูนฉาบอิฐมวลเบาตราลูกดิ่ง" ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 23 ปี และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ หลังจากมีการปรับโครงสร้างและลดต้นทุน ซึ่งบริษัทเองก็มียอดขายลดลง 7% แต่ยังมีกำไรเท่าเดิม ดังนั้นมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ปูนฉาบผิวบาง ภายใต้แบรนด์ มายลอฟต์ เจาะกลุ่มดีไอวาย จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งจะเริ่มวางตลาดในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อหวังชิงส่วนแบ่งในตลาดทั้ง จากลูกค้ากลุ่มตัวแทนจำหน่าย ผู้รับเหมาโครงการ ผู้พัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหรือปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มเออีซี เช่น กัมพูชาและเมียนมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและเลือกพาร์ตเนอร์ที่สามารถช่วยขยายช่องทางการขายเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมได้ คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

ขณะเดียวกันยังได้มีการลงทุนโรบอต ราว 200 ล้านบาท มาใช้ในการผลิตซึ่งจะเริ่มไลน์การผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 เพื่อแก้ปัญหาแรงงาน ล่าสุดได้ออกแคมเปญ "ไม่แตกแยก ไม่แตกร้าว" พร้อมทำการตลาดเชิงรุกด้วยงบ กว่า 20 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ คาดว่าในปีนี้บริษัทจะทำยอดขายที่ 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 5% โดยมีส่วนแบ่งตลาดที่ 10% ของมูลค่าตลาดรวมที่ 1.5 หมื่นล้านบาท

การปรับกลยุทธ์ปรับโครงสร้างองค์กรเป็นการปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยมีการลงทุนของภาครัฐเป็นความหวัง ซึ่งจะพลิกเป็นบวกหรือไม่ต้องลุ้นกันปีหน้า

 
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ