ทีโอเอ สุดอั้นปรับราคาสี5-8%
Loading

ทีโอเอ สุดอั้นปรับราคาสี5-8%

วันที่ : 18 ธันวาคม 2560
ทีโอเอ สุดอั้นปรับราคาสี5-8%

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำตลาด สีทาอาคารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กล่าวถึงภาพรวมตลาดสีภายในประเทศว่า แม้ว่าใน ช่วงไตรมาส 3 ตลาดสีจะชะลอตัว เนื่องจากฤดูฝน มีอิทธิพลต่อยอดขาย แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มียอดขายสีของ บริษัทเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 59

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยเรื่องราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมสี ราคามีแนวโน้มที่สูงขึ้นและทรงตัวไปถึงกลางปี 2561 ทำให้เป็นปัจจัยกดดันต่อต้นทุน แต่ผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบปรับลดลไปกว่า 50%

"ทีโอเอ ไม่เน้นเก็งกำไรวัตถุดิบ แต่เน้นเรื่องความสม่ำเสมอในเรื่องวัตถุดิบไม่ให้ขาดแคลน และแม้ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่ระยะที่ผ่านมา เราไม่ส่งผ่านต้นทุนไปสู่ผู้บริโภค ประกอบกับภาวะ ตลาดยังไม่เอื้อ ซึ่งเห็นได้จากยอดขาย 9 เดือนที่เติบโตลดลง 6 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 11,458 ล้านบาท เหตุการก่อสร้างในปีนี้ชะลอตัว และอยู่ในช่วงการ ไว้อาลัย ทำให้ดีมานด์เลื่อนไปปีหน้า คาดว่าปี 61 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อจังหวะเหมาะสม ทางทีโอเอได้ตัดสินใจประกาศผ่านไปยังดีลเลอร์ การขยับขึ้นราคาเฉลี่ย 5-8 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งทางดีลเลอร์เข้าใจ" นายจตุภัทร์ กล่าว

ทั้งนี้ ในธุรกิจสีในประเทศ ทีโอเอเป็นผู้นำและมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 50% มูลค่าตลาดสีประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายหลักมาจากในไทยประมาณ 87.7% ซึ่งสีทาอาคารเป็นตลาดหลักของทีโอเอ มียอดขายสูงสุด 68% และสินค้าสีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ( Non-Decorative Paint & Coating Products ) ประมาณ 28% ช่องทางการจำหน่ายหลักร้านค้า 73% โมเดอร์นเทรด 15.1% และขายตรง (เน้นผู้รับเหมารายใหญ่ นักพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่) อีก 11.6%

"ความสำเร็จจากการขยายเครื่องผสมสี เป็น กลยุทธ์ทางการตลาดที่เราพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมา โดยปัจจุบันกว่า 4,000 ร้านค้าในทั้งหมด 6,367 ร้านค้า มีเครื่องผสมสี มีส่วนสำคัญในการรุกตลาด ช่วยบริหารต้นทุนให้กับร้านค้า และจะเป็นช่องทางในการ ขยายตลาดสีเกรดพรีเมียมให้กว้างขึ้น และมีแนวโน้ม ที่ตลาดจะปรับตัวไปสู่ตลาดเกรดบนมากขึ้น เนื่อง จากสุดท้ายแล้ว ต้นทุนแรงงาน มีส่วนสำคัญที่ทำ ให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้สินค้าเกรดระดับกลางและพรีเมียม ซึ่ง ทีโอเอ ขายสินค้าเกรดบนประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเกรดระดับกลาง 50 เปอร์เซ็นต์ และเกรดล่างขายน้อยเพียง 10 เปอร์เซ็นต์"

สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ในปีหน้า โรงงาน ที่อินโดนีเซีย และพม่า จะเปิดดำเนินการ ส่วนในประเทศกัมพูชาจะประมาณปี 62 ซึ่งตามแผนจะทำให้ในปี 61 ด้วยกำลังการผลิตในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 28% จะทำให้ทีโอเอขยายตลาดได้เท่าตัว โดยเฉพาะในตลาดอินโดนีเซีย มีมูลค่าตลาดประมาณ 40,000 ล้านบาท หากทางบริษัทฯสามารถ มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 5% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท จะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมของทีโอเอปรับตัวสูงขึ้น และมีผลต่อกำไรที่ดีขึ้น

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ