ธนารักษ์ประมูลต้นปี 3จุด เขตศก.ชายแดน
ธนารักษ์เตรียมเปิดให้เอกชน ร่วมประมูลพัฒนา 3 พื้นที่ราชพัสดุในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย "กาญจนบุรี-ตาก-นครพนม" กว่า 4.5 พันไร่ เริ่มม.ค.ปีหน้า โดยจะเว้นค่าเช่าที่ให้ 1-2 ปีหากผู้ชนะประมูลเริ่มลงทุนทันที พร้อมระบุปัจจุบันมีเอกชนสนใจจำนวนมากสนใจ คาดลงทุนเร็วสุดกลางปีหน้า
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้นำพื้นที่ราชพัสดุจำนวน 3 แปลง รวมกว่า 4.5 พันไร่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเปิดให้เอกชน เข้าลงทุนเพื่อพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าว โดยเอกชน ที่สนใจสามารถเข้าซื้อซองประมูลได้ในต้นเดือน ม.ค.2561 คาดเริ่มลงทุนจริงเร็วสุดกลางปีหน้า หรือ ช้าสุดในไตรมาสสามปีหน้า
"เชื่อว่า จะมีเอกชนจำนวนมากสนใจเข้าพัฒนาพื้นที่ ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในหลายภาคธุรกิจ"
นายพชร กล่าวด้วยว่า พื้นที่ที่เปิดให้เอกชนเข้าพัฒนา ประกอบด้วยบ้านพุร้อน จ.กาญจนบุรี มีพื้นที่รวมเกือบ 3 พันไร่ เหมาะสมจะลงทุนอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร , พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พื้นที่รวม กว่า 1 พันไร่ เหมาะสมพัฒนาด้านการขนส่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่มีการค้าชายแดนจำนวนมาก และพื้นที่ จ.นครพนม กว่า 1.3 พันไร่ เหมาะสมพัฒนาได้หลากหลายธุรกิจ
"ทั้ง 3 พื้นที่นั้น เรามองว่า เอกชนจะสนใจเข้าร่วมประมูล เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการค้าชายแดนสูง และ เราก็ไม่เคยเปิดประมูลมาก่อน ส่วนเรื่องอัตราค่าเช่านั้น แน่นอนว่า เป็นอัตราต่ำ เนื่องจาก เราต้องการให้เอกชนเข้าร่วมพัฒนา โดยระยะเวลาการเช่าอยู่ที่ 50 ปี อัตราค่าเช่าอยู่ที่ 100 บาท ต่อไร่ต่อเดือน" ส่วนค่าธรรมเนียมแรกเข้านั้น เราเปิดประมูลขั้นต่ำที่ 2 หมื่นบาทต่อปี หากผู้ชนะการประมูลทำการลงทุนพัฒนาพื้นที่ทันทีในปีแรก ทางกรมฯจะยกเว้นค่าเช่าให้ 2 ปี หากลงทุนในปีที่ 2 จะยกเว้น ค่าเช่าให้ 1 ปี"
นอกจากนี้ นายพชร ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้สำรวจความต้องการลงทุนจาก ภาคเอกชน พบว่า มีหลายรายที่สนใจเข้าลงทุน โดยกรณีพื้นที่กาญจนบุรีนั้น มีเอกชนรายใหญ่สนใจเข้าทำธุรกิจแปรรูปสินค้าเกษตร ส่วนแม่สอด จ.ตาก ก็ชัดเจนว่า มีเอกชนสนใจลงทุน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมมาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมฯได้เปิดให้เอกชนเข้าลงทุนพัฒนาพื้นที่ ราชพัสดุในเขตเศรษฐกิจแล้ว จำนวนหลายแปลง โดยในแปลงพื้นที่ จ.ตราดนั้น ผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท พร็อพเพอร์เพอร์เฟค ส่วนอีก 2 พื้นที่ คือ ในจ.สงขลา และ สระแก้ว กรมฯได้มอบให้ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเข้าพัฒนา
อย่างไรก็ดี ยังมี 2 พื้นที่ ในจ.มุกดาหาร และ จ.หนองคาย ที่เปิดให้เอกชนเข้าประมูลแล้ว แต่ยกเลิกไป เนื่องจาก ยังขาดคุณสมบัติ
สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทุนนั้น จะต้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย มีทุนจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท กรณีกิจการร่วมการค้า เป็นการร่วมธุรกิจ ของธุรกิจมีมูลค่าทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
โดยกรณีผู้เสนอลงทุนต้องการลงทุนในรูปแบบดังกล่าวจะต้องยื่นเอกสารและหลักฐานแสดงความจำนงเป็นกิจการร่วมการค้าแนบมาด้วย ผลงานที่ประสบความสำเร็จย้อนหลัง 3 ปีนับจากที่ยื่นลงทุน หรือ ประสบการณ์ในลักษณะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าร่วมธุรกิจ