อีอีซีดันราคาที่ดินนิคมพุ่ง30%
ราคาขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม 30% นโยบายอีอีซีดันที่พุ่ง สหรัฐปลดพ้นบัญชีดำ ยุโรปฟื้นสัมพันธ์เงินลงทุนไหลเข้าไทย
น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า ภายหลังสหรัฐปลดไทยพ้นจากบัญชีดำและสหภาพยุโรปฟื้นสัมพันธ์กับไทยกลับสู่ปกติ ส่งผลให้นักธุรกิจและนักลงทุน ต่างชาติเพิ่มความสนใจในการเข้ามาลงทุนตรงในประเทศไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากกรณีบริษัทที่มีธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีนักลงทุนมาขอพบทุกสัปดาห์ในช่วงที่ผ่านมา
"เป็นนักลงทุนในทุกๆ ชาติ ทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป รวมถึงจีนมาขอข้อมูล โดยนักลงทุนจีนให้ความสนใจมากถึงขั้นมีการเจรจาที่จะให้บริษัทร่วมทุนในกรณีที่บริษัทจะไปทำนิคมที่ประเทศจีน รวมถึงขอร่วมทุนในการที่เขาจะเข้ามาในประเทศไทย เพราะอีอีซีถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพมากของไทย" น.ส.จรีพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทเกือบทั้งหมดอยู่ในอีอีซี และภาพรวมการลงทุนสดใส ทำให้มั่นใจว่าในปี 2561 จะสามารถขายที่ดินได้มากกว่าในปี 2560 ซึ่งในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้น 40% มาอยู่ที่ 445 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะราคาเฉลี่ยการโอนที่ดินเพิ่มขึ้นมาก
ขณะเดียวกันที่ดินนอกนิคมอุตสาหกรรมมีราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งบริษัทก็จะปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 30% ในปี 2561 โดยกำหนดราคาขายไม่เท่ากัน แต่จะขึ้นอยู่กับที่ดินว่าอยู่ในธุรกิจใด ราคาเฉลี่ยจึงมีตั้งแต่ไร่ละ 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยบริษัทมีที่ดินพร้อมรับนักลงทุนกว่า 1 หมื่นไร่ และเตรียมลงทุนเพิ่มปีละ 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อหาที่ดินมาพัฒนาเพิ่มสำหรับรองรับนักลงทุนและรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ
น.ส.จรีพร กล่าวอีกว่า ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 496 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จาก การขายอสังหาริมทรัพย์และรายได้อื่นๆ เพิ่มมากขึ้น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศ ไทย) ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ทั้งสหรัฐและยุโรปดีขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ปริมาณ การค้าระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น