สยามโกลบอลเฮ้าส์ตั้งเป้าปีนี้รายได้และกำไรโต 13% หลังเร่งขยายสาขาเพิ่ม สวนตลาดวัสดุก่อสร้างหดตัวต่อเนื่อง แย้มเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่เขมร ย้ำหากเปิดครบ 5 สาขา จะนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นกัมพูชา

นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLABAL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายรายได้และกำไรเติบโต 13% จากปีก่อน สวนทางภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างมูลค่า 4แสนล้านบาทที่ปีนี้ยังคงหดตัวต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อที่ถดถอยเป็นผลจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและโครงการอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว

ส่วนสาเหตุที่บริษัทยังเติบโตได้ต่อเนื่องเป็นผลมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยปีนี้จะทยอยเปิดสาขาเพิ่มอีก 8-10 สาขาจากปัจจุบันมีอยู่ 55 สาขา ใช้เงินลงทุนเฉพาะที่ดินและค่าก่อสร้างราว 250 ล้านบาท/สาขา โดยไม่รวมค่าสินค้าจำหน่ายสาขาละ 200 ล้านบาท หรือราว 2.5 พันล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนไม่ใช่ปัญหาเพราะบริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี(EBITDA) 3 พันล้านบาท ซึ่งการเร่งขยายสาขาขึ้นอยู่กับการจัดหาที่ดินเป็นหลักซึ่งสาขาที่เปิดใหม่จะมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้าใช้เองเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศ พร้อมทั้งมีการใช้หุ่นยนต์มาช่วยในด้านการจัดจำหน่ายและจัดเก็บสินค้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่มีแผนจะลดพนักงานที่มีเกือบ 1 หมื่นคน

"ในช่วงไตรมาส 3/2560 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์พัฒนาคุณภาพการตลาด การจัดหาสินค้า มีการจัดกลุ่มสินค้าที่คำนึงถึงคุณภาพประโยชน์ใช้สอยของลูกค้า ทำให้ไตรมาส 4/2560 เป็นต้นมา รายได้จากสาขาเดิมเริ่มกลับมาเป็นบวก ขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างติดลบ 8% ซึ่งบริษัทมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นปีละ 10 สาขา ดังนั้นภายในปี 2565 บริษัทจะมีสาขาในไทยใกล้เคียง 100 สาขาแน่นอน"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านว่า บริษัทได้จัดตั้ง Global House Cambodia Co.,Ltd (GBC) โดยบริษัทถือหุ้น 55% ร่วมกับนักธุรกิจกัมพูชาอีก 45% เพื่อดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างในกัมพูชา โดยจะเปิดสาขาแรกที่กรุงพนมเปญในไตรมาส 2/2560 บนพื้นที่ขาย 27,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นร้านวัสดุก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากกัมพูชามีกำลังซื้อมาก หากบริษัทมีการขยายสาขาได้ครบ 5 แห่ง ในกัมพูชาก็จะนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาต่อไป

ปัจจุบันบริษัทได้เปิดสาขาในเมียนมา 5 สาขาและลาว 5 สาขา โดยล่าสุดมีหลายประเทศในอาเซียนให้ความสนใจที่จะดึงบริษัทเข้าไปร่วมเปิดขยายสาขา ทั้งในฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย เป็นต้น แต่บริษัทยังไม่ตัดสินใจในเร็วๆ นี้ คงต้องพิจารณารอบคอบ และมีพันธมิตรร่วมทุนที่แข็งแกร่ง สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,255.12 ล้านบาท มีรายได้ 15,456.66 ล้านบาท