สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยกำลังซื้อ-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากขึ้น ฟากแบงก์แข่งปล่อยกู้ คาดครึ่งปีหลังราคาบ้านขยับขึ้น 2-3%

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ตลาดบ้านสร้างเองมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงกลางปี 2561 เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัว โดยเฉพาะใน กทม.-ปริมณฑล ส่วนตลาดต่างจังหวัดยังต้องติดตาม เนื่องจากกำลังซื้อยังไม่คึกคักเพราะรายได้ยังอิงพืชผลการเกษตรและภาคการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นของภาครัฐ

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกที่จะทำให้ตลาดโตได้มากขึ้น คือสถาบันการเงินเริ่มยืดหยุ่นและมีการแข่งขันในการ ปล่อยสินเชื่อมากขึ้น แม้ปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่อยังสูงเฉลี่ยราว 30% ซึ่งจะเป็นกลุ่มระดับล่างก็ตาม แต่ก็มีจำนวนน้อยกว่าบ้านจัดสรร โดยตลาดบ้านสร้างเองจะได้วงเงินสูงสุดถึง 130% ซึ่งจะรวมวงเงินตกแต่งไว้ด้วย เนื่องจากมีหลักทรัพย์เป็นที่ดิน และคนกลุ่มนี้จะมีเงินออมไว้บางส่วน อีกทั้งเมื่อราคาประเมินที่ดินขยับขึ้นส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์เพิ่มตาม จึงเป็นโอกาสของผู้บริโภค

อย่างไรก็ดี แนวโน้มต้นทุนบ้านที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าแรง วัสดุก่อสร้างบางตัว และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นนั้น คงต้องรอดูว่าเศรษฐกิจจะโตได้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่าราคาบ้านจะปรับเฉลี่ย 2-3%

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้เตรียมรับมือ โดยจะไม่แข่งขันกับรายย่อยด้วยการลดราคาหรือลดเกรดวัสดุลงเพราะจะส่งต่อคุณภาพบ้านและความเชื่อถือ แต่จะเป็นการบริหารจัดการในองค์กรเพื่อลดต้นทุนแทน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายที่มีปริมาณงานในมือมากก็สามารถเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ เพื่อแชร์ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแทนการผลักดันภาระไปยังผู้บริโภคทั้งหมด

สำหรับปีนี้ตลาดกลุ่ม 2-4 ล้านบาท ยังคงเป็นตลาดใหญ่สุด มีสัดส่วน 60-70% ส่วนระดับราคา 4-10 ล้านบาท มีราว 20% ที่เหลือเป็นกลุ่มระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่บ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะไม่มีในตลาดเพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง