ทุ่ม4พันล.ลงทุนรับอีอีซี ชาร์เตอร์สแควร์กางแผนลุยโรงแรม-สนามกอล์ฟ4ปีโกย1,700ล้าน
ชาร์เตอร์สแควร์ทุ่ม 4,350 ล้าน ผุดโรงแรม-สนามกอล์ฟในกรุงเทพฯ และพัทยา รับอานิสงส์อีอีซี ตั้งเป้า 2565 รายได้พุ่ง 8 เท่า 1,700 ล้าน
นายชินทัต เจียอาภา ผู้บริหาร บริษัท ชาร์เตอร์ สแควร์ โฮลดิ้ง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนรวมกว่า 4,350 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) สำหรับการลงทุน 3 โครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับอานิสงส์จากนโยบายระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกอบด้วย การลงทุนธุรกิจสนามกอล์ฟระดับ 5 ดาว บนพื้นที่ 550 ไร่ ใกล้กับเขาชีจรรย์ ภายใต้ชื่อ ชีจรรย์ กอล์ฟ รีสอร์ท โดยใช้เชนของ ไอเอ็มจี บริษัทสร้างสนามกอล์ฟระดับโลก ภายใต้งบประมาณลงทุน 950 ล้านบาท เปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย คือ นักกอล์ฟชาวเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่กว่า 50% เดินทางมาเพื่อเล่นกอล์ฟในไทย มีพฤติกรรมการเล่นกอล์ฟ 3-4 วัน โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 5,200 คน/ครั้ง/รอบ ตั้งเป้าปีแรกมียอดใช้บริการเฉลี่ย 120 คน/วัน และในปี 2562 อยู่ที่ 200 คน/วัน โดยสนามมีความจุรองรับผู้ใช้บริการสูงถึง 300 คน/วัน พร้อมคาดว่าจะมีจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 10 ปี
ขณะเดียวกัน บริษัทจะพัฒนาโรงแรมบริเวณหาดจอมเทียนโดยใช้เชนของ โรงแรมแอนดาซ (Andaz) ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อสร้างเป็นจุดปลายทางของที่พัก มีจุดเด่นของการเป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ขนาด 206 ห้อง บนพื้นที่ 37 ไร่ พร้อมอนุรักษ์เรือนไม้และต้นไม้ที่มีอายุกว่า 80 ปี
"แม้การแข่งขันธุรกิจโรงแรมในพัทยาจะมีโรงแรมเกิดใหม่เติบโตค่อนข้างสูง แต่บริษัทจะมุ่งพัฒนาโรงแรมสำหรับตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน เช่นเดียวกับการพัฒนาสนามกอล์ฟ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าต่างชาติที่ต้องการพักผ่อน เล่นกอล์ฟ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนหรือทำงานในพื้นที่อีอีซี โดยสนามกอล์ฟจะห่างจากสนามบินอู่ตะเภาเพียง 20 นาทีเท่านั้น" นายชินทัต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทจะพัฒนาโรงแรมในกรุงเทพมหานคร บริเวณซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม โดยใช้เชนของโรงแรม ไฮแอต เพลส (Hyatt Place) ใช้งบลงทุนรวมกว่า 900 ล้านบาท เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 150 ห้อง โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากตลาด เช่น นักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ที่บ้านอยู่ไกลและมองหาที่พักเพื่อความรวดเร็วการเดินทางช่วงใกล้สอบ และกลุ่มคนที่เข้าใช้บริการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช
ทั้งนี้ ความคืบหน้าของโรงแรมทั้งสองแห่งอยู่ในขั้นตอนการทำมาสเตอร์แพลนที่ขณะนี้แล้วเสร็จไปกว่า 90% โดยคาดว่าเมื่อแผนแล้วเสร็จจะใช้เวลาการก่อสร้างทั้งสองแห่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี 6 เดือน หรือแล้วเสร็จภายในปี 2565 และเมื่อเปิดให้บริการเชื่อว่าจะช่วยดันรายได้ของบริษัทขยายตัวมากกว่า 6-8 เท่า อยู่ที่ประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้จากการเช่าอาคารชาร์เตอร์ สแควร์ ที่ 200 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดเช่าอาคารมากกว่า 90% ขึ้นไป จากเดิมที่ประมาณ 80%
นายชินทัต กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ หากแผนการลงทุน 3 โครงการ ดังกล่าวเป็นไปตามแผนสามารถสร้างรายได้ และมีเงินทุน อาจพิจารณาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บริเวณรอบสนามกอล์ฟชีจรรย์ ที่มีพื้นที่เหลืออยู่ 500 ไร่เพิ่มเติม เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาเป็นหมู่บ้าน รวมถึง ห้างค้าปลีก เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัว