บ้าน-คอนโดฯภาคตะวันออกคึก ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา มาแรง เฉียด 2 แสนยูนิตพร้อมขาย
ศูนย์ข้อมูล ธ.อ.ส.เผยที่อยู่อาศัยใน พื้นที่เขต EEC มาแรงรวม 3 จังหวัด 193,238 ยูนิต ชลบุรีคึกสุดมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 708 โครงการ จำนวน 151,246 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 428,772 ล้านบาท ส่วนระยองมี 221 โครงการ จำนวน 30,953 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 76,273 ล้านบาทและฉะเชิงเทรา มี 46 โครงการ 11,039 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 32,911 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยถึง ผลสำรวจ โครงการที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออก พบว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งประเภทบ้านจัดสรร และอาคารชุด ในพื้นที่ 7 อำเภอหลังของจังหวัดชลบุรี ได้แก่ อำเภอเมืองชลบุรี, บางละมุง, ศรีราชา, สัตหีบ, พานทอง, บ้านบึง และพนัสนิคม มีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขาย 708 โครงการ มีจำนวนหน่วยทั้ง หมด 151,246 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 428,772 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีหน่วยเหลือขาย 35,811 หน่วย ประกอบด้วยบ้านจัดสรรรวม 66,569 หน่วย และอาคารชุดรวม 84,677 หน่วย โดยมีจำนวนหน่วยอยู่ในอำเภอบางละมุงมากที่สุด 42.6%
ส่วนโครงการอาคารชุดในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยของ ผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายประเภทบ้านจัดสรร 498 โครงการ มีหน่วยรวมกันประมาณ 66,569 หน่วย โดยมีจำนวนหน่วยมากเป็นที่สองรองจากกรุง เทพฯ และในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในปี 2560 จำนวน 59 โครงการ รวม 7,698 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 20,657 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 52 โครงการ จำนวน 5,601 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 14,450 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 7 โครงการ จำนวน 2,097 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 6,207 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัยโดยภาพรวมเป็นโครงการอาคารชุดมากที่สุด 56% พื้นที่ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุงมากที่สุด รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ 21% อยู่ในอำเภอศรีราชามากที่สุด อันดับสามเป็นบ้านเดี่ยว 12.8% อยู่ในอำเภอบางละมุงมากที่สุด
ด้านระดับราคาส่วนใหญ่อยู่ในราคา 2-3 ล้านบาท คิดเป็น 31.4% รองลงมาราคา 1.5-2 ล้านบาท คิดเป็น 23% โดยในพื้นที่อำเภอบางละมุง, ศรีราชา, พาน ทอง และบ้านบึง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนอำเภอเมืองชลบุรี และพนัสนิคม ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท ในขณะที่อำเภอสัตหีบส่วนใหญ่ราคา 3-5 ล้านบาท โดยจ.ชลบุรีมีราคาขายเฉลี่ย 2.83 ล้านบาทต่อหน่วย และในส่วนอำเภอสัตหีบมีราคาเฉลี่ยสูงสุด อยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อหน่วย
ขณะที่บ้านพักตากอากาศหรือวิลล่า สำรวจเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบริมทะเลหรือเชิงเขาที่มีหน่วยในผังโครงการเกินกว่าครึ่งอยู่ในระดับราคา 15 ล้านบาท ขึ้นไป โครงการที่มีหน่วยเหลือขายอย่างน้อย 1 หน่วย มีจำนวนทั้งสิ้น 16 โครงการ รวมประมาณ 552 หน่วย มีหน่วยเหลือขายประมาณ 115 หน่วย อยู่ในอำเภอบางละมุง 10 โครงการ และในอำเภอสัตหีบ 6 โครงการ โดยส่วนใหญ่ประมาณ 70% เป็นบ้านเดี่ยว และที่เหลือเป็นทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด
ดร.วิชัย กล่าวว่า โดยภาพรวมจะเห็นได้ว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจะหนาแน่นกระจายทุกประเภท ในทุกอำเภอที่สำรวจยกเว้นอำเภอพนัสนิคมจะไม่มีการพัฒนาโครงการอาคารชุด ซึ่งในปี 2561 โครงการขายได้มีสัดส่วน 76.3% มีมูลค่าโครงการขายได้รวม 321,829 ล้านบาท และอาคารชุดมีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 85.5% (ต่อหน่วยทั้งหมด 84,677 หน่วย) และมีหน่วยเหลือขายประมาณ 23.7% มีมูลค่าเหลือขาย 106,944 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ในจังหวัด ระยอง มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 221 โครงการ มีจำนวนหน่วยทั้งหมด 30,953 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 76,273 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 26,943 หน่วย และอาคารชุด 4,007 หน่วย สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 46 โครงการ มีจำนวนหน่วยทั้งหมด 11,039 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 32,911 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 10,432 หน่วย และเป็นอาคารชุด 607 หน่วย ซึ่งหากรัฐบาลสนับสนุนให้พื้นที่จังหวัดฉะเชิง เทราเป็นทำเลเพื่อการอยู่อาศัยรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เชื่อว่าที่อยู่อาศัย ในพื้นที่นี้จะมีศักยภาพกลับขึ้นมาขยายตัวได้อีกมาก ดร.วิชัย กล่าวในที่สุด