จ่อเปิดพีพีพีท่าเรือบกพันล้านหนุนเส้นทางการค้าอาเซียน-เอเชียแปซิฟิก พร้อมปักหมุดพื้นที่อีสานรับฮับซีแอลเอ็มวี

นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้ศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาศูนย์บรรจุสินค้าตู้คอนเทนเนอร์และกระจายสินค้า หรือท่าเรือบก จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อใช้เป็นพื้นที่บรรจุสินค้าและผ่านขั้นตอนศุลกากรทุกขั้นตอน ก่อนส่งออกลงเรือหรือเปลี่ยนถ่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่เสียเวลาหน้าท่าเรืออีก รองรับเศรษฐกิจการค้าในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี

แหล่งข่าวจาก สนข. เปิดเผยว่า เบื้องต้น ที่ปรึกษาโครงการมองว่าพื้นที่ที่มีศักยภาพควรจะเป็นพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อเส้นทาง รถไฟและอยู่ห่างท่าเรือไม่เกิน 300 กิโลเมตร รวมทั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพื่อรับสินค้าตรงไปท่าเรือเลย ส่งเสริมการขนส่งสินค้าแบบถ่ายลำเรือจากเรือขนสินค้าขนาดเล็กไปยังเรือใหญ่ หรือการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าไปสู่ระบบรางไปยังพื้นที่ซีแอลเอ็มวี

ทั้งนี้ จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนกับภาครัฐ (พีพีพี) โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ ส่วนมูลค่าการลงทุนขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ซึ่งทั่วไปจะใช้พื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ วงเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทานอยู่ที่ 30 ปีขึ้นไป

สำหรับเส้นทางขนส่งสินค้าในภูมิภาคอาเซียนในระยะ 20 ปีข้างหน้า คาดว่าเส้นทางมาเลเซีย-ไทย-จีน จะมีมูลค่าสูงกว่า 3.5 ล้านล้านบาท/ปี เส้นทางอินเดีย-ไทย- กัมพูชา-เวียดนาม ในอนาคตจะมีมูลค่าการขนส่งปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท และเส้นทางเมียนมา-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม จะมีมูลค่าขนส่ง 1 ล้านล้านบาท/ปี ดังนั้น จุดที่มีศักยภาพ ได้แก่ 1.บ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี เชื่อมท่าเรือทวายไปยังอินเดีย 2.ด่านชายแดนแม่สอด เชื่อมท่าเรือติลาวาของเมียนมาไปอินเดีย 3.ด่านชายแดนคลองใหญ่ จ.ตราด เชื่อมท่าเรือหวุงเก่า เวียดนาม 4.ชายแดน จ.มุกดาหาร และนครพนม เชื่อมท่าเรือหวุงอ่าง เวียดนาม ขนส่งไปหนานหนิงของจีน 5.ด่านเชียงของ จ.เชียงราย เชื่อมทางบกไปยังจีนตอนใต้