DCON ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 1,500-1,600 ล้านบาท จ่อผุดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,100-2,200 ล้านบาท เผยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 200 ล้านบาท โต 20-30%

นายวิทวัส พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DCON เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมประมาณ 1,500–1,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,094 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/2561 มีรายได้รวมแล้ว 249 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2561 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรุปข้อมูล คาดว่าจะแจ้งงบได้ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างประมาณ 70-80% และมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (ที่อยู่อาศัย) ประมาณ 20-30% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 7-9% เนื่องจากการทยอยส่งมอบโครงการในมืออย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพร้อมส่งมอบรวมจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท และโครงการแนวราบ จำนวน 2 โครงการ ที่มีมูลค่าเหลือขาย (สต๊อก) ประมาณ 120 ล้านบาท

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายและพร้อมส่งมอบ คือโครงการ ดีคอน ไพร์ม รัตนาธิเบศร์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 38 ชั้น จำนวนห้องชุด 638 ยูนิต กลุ่มเป้าหมายอายุ 30-40 ปี มีรายได้ประมาณ 30,000-40,000 บาท ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้ว 20% และมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกบ้านตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทเตรียมเปิดขายโครงการอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 30% ในช่วงวันเปิดขาย

ส่วนโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายและพร้อมส่งมอบ ได้แก่ โครงการบ้านอรดา ลำลูกกา คลอง 8 จำนวน ปัจจุบันมีสินค้าเหลือขาย จำนวน 9 ยูนิต มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท และโครงการ ดีซิโอ้ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ปัจจุบันมีสินค้าเหลือขาย จำนวน 13 ยูนิต มูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท

นายวิทวัส กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,100-2,200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการดีคอน ไพร์ม สุขุมวิท-แพรกษา มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับแต่งภายในเพิ่มเติม ซึ่งจะเปิดขายในเดือนตุลาคม พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 50% ส่วนอีก 1 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ในทำเลศาลายา-ปิ่นเกล้า จำนวน 170 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600-700 ล้านบาท ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ

ด้านยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 200 ล้านบาท เติบโต 20-30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมจัดโปรโมชั่น สำหรับโครงการพร้อมอยู่ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง

ขณะที่ ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปัจจุบันยังทรงตัว เพราะอยู่ในช่วงขาลงของธุรกิจ เนื่องจากการก่อสร้างโครงการใหม่มีจำนวนน้อยลง ทำให้มีสินค้า (ซัพพลาย) ล้นตลาด คาดธุรกิจดังกล่าวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2563