อีอีซีดันลงทุนพุ่ง 10%
คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะ กรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวในหัวข้อ "ตรวจความพร้อมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก" ว่า โครงการระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเป็นตัวตอบโจทย์ประเทศไทยในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอีอีซีจะเป็นตัวทำให้การลงทุนของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4% เป็น 10% ได้ภายในปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัว สูงสุดในรอบ 10 ปี หลังจากโครงการลงทุน ในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด และเชื่อว่าจะทำให้จีดีพีของไทยโตได้ที่ 5%
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการลงทุนของไทยขยายตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 3% มาตลอด และพบว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่เข้ามาประเทศไทยเพียง 30% จากเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดที่เข้ามาในภูมิภาคอาเซียน และยังมีแนวโน้มลดลงเฉลี่ย ปีละ 6% ต่อเนื่อง จึงทำให้การผลักดันให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่อีอีซีจะใช้ 2 หลัก คือ การเชื่อมโยงและความร่วมมือ เพราะเชื่อว่า อีอีซีจะเป็นประตูหลักของการลงทุนสู่เอเชีย โดยสามารถเชื่อมโยงกับอาเซียน ซีแอลเอ็มอี รวมไปถึงจีนและอินเดียได้ ซึ่งจะเน้นการร่วมมือกันพัฒนาไม่ใช่การแข่งขัน ทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและไม่ถูกใครทิ้งไว้ข้างหลัง
คณิศ กล่าวต่อว่า รัฐบาลวางโครงการอีอีซีไว้เพื่อใช้เป็นตัวกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เลือกพื้นที่ตั้งในภาคตะวันออก และตั้งเป้าหมายให้เป็นเมืองท่าของภาคตะวันออก ก่อนขยายออกไปเชื่อมกับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เช่น สระแก้วและตราด รวมไปถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศเพื่อนบ้านผ่านความร่วมมือตามแนวเส้นทาง 1 Belt 1 Road
"อีอีซีจึงเป็นพื้นที่ทดลองนโยบาย (Policy Sandbox) ของรัฐบาล ผ่าน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นถึงความต้องการในอนาคตของประเทศ และได้วางแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการ ใน 5 ปีแรก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ศูนย์ซ่อมสนามบิน และโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด โดยจะมีการลงนามสัญญาว่าจ้าง (ทีโออาร์) ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในภาคเอกชน ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ 6 แสนล้านบาท" คณิศ กล่าว
ภายในปีนี้โครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซีก็จะแล้วเสร็จ ต่อไปก็จะเป็นเรื่องของการดึงดูดการลงทุนให้เข้ามา ล่าสุดจีนและญี่ปุ่นได้ลงนามความร่วมมือกันที่จะมาลงทุนในประเทศที่ 3 ซึ่งเชื่อว่าอีอีซีจะเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนจากนักลงทุนทั้งสองประเทศ
"การจะทำให้จีดีพีของประเทศไทยโตที่ 5% ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว แค่เปิดรับการลงทุน แต่เรื่องที่ยากและท้าทายคือจะทำอย่างไรให้การพัฒนาลงสู่ฐานราก ดังนั้น อีอีซีจึงเป็นการลงทุนเพื่อลงฐานรากกว่าขึ้น โดยเชื่อว่าหากทำได้ ประเทศไทยจะทะยาน (Take Off) ก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้อย่างแน่นอน" คณิศ กล่าว