ตั้งบริษัทใหม่เพิ่มรับเขตศก.อีอีซี
วันที่ : 23 พฤศจิกายน 2561
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผย การจดทะเบียนธุรกิจ เดือน ต.ค.2561 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ 6,197 ราย เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2561 ลดลง 116 ราย คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับ ต.ค.2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 194 ราย คิดเป็น 3%
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผย การจดทะเบียนธุรกิจ เดือน ต.ค.2561 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ 6,197 ราย เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2561 ลดลง 116 ราย คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับ ต.ค.2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 194 ราย คิดเป็น 3%
ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ อสังหาริมทรัพย์ 383 ราย คิดเป็น 6% อันดับ 3 ภัตตาคาร/ ร้านอาหาร 201 ราย คิดเป็น 3% มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีทั้งสิ้น 19,962 ล้านบาท เทียบกับเดือนก.ย. 2561 ลดลง 28,065 ล้านบาท คิดเป็น 58% เทียบกับเดือน ต.ค.2560 ลดลง 19,761 ล้านบาท คิดเป็น 50%
จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 2,166 ราย เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2561 จำนวน1,899 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 267 ราย คิดเป็น 14% และเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.2560 จำนวน 1,797 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 369 ราย คิดเป็น 21%
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2561) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท 62,468 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 853 ราย คิดเป็น 1.38% มีทิศทางสอดคล้องกับนโยบายรัฐ ที่มีลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ อสังหาริมทรัพย์ 383 ราย คิดเป็น 6% อันดับ 3 ภัตตาคาร/ ร้านอาหาร 201 ราย คิดเป็น 3% มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีทั้งสิ้น 19,962 ล้านบาท เทียบกับเดือนก.ย. 2561 ลดลง 28,065 ล้านบาท คิดเป็น 58% เทียบกับเดือน ต.ค.2560 ลดลง 19,761 ล้านบาท คิดเป็น 50%
จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 2,166 ราย เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2561 จำนวน1,899 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 267 ราย คิดเป็น 14% และเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.2560 จำนวน 1,797 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 369 ราย คิดเป็น 21%
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2561) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท 62,468 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 853 ราย คิดเป็น 1.38% มีทิศทางสอดคล้องกับนโยบายรัฐ ที่มีลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ