ดัน เชียงราย เขตเศรษฐกิจพิเศษ เชื่อมแม่โขง-ล้านช้าง
วันที่ : 3 พฤศจิกายน 2561
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทน ภาครัฐและภาคเอกชนทั้งจากส่วนกลางและในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่สำรวจบริเวณด่านเชียงของ เพื่อรับฟังความเห็นในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดน (Cross Border Economic Zone) ระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกกลุ่มความร่วมมือ แม่โขง-ล้านช้าง (MLC)
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทน ภาครัฐและภาคเอกชนทั้งจากส่วนกลางและในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่สำรวจบริเวณด่านเชียงของ เพื่อรับฟังความเห็นในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดน (Cross Border Economic Zone) ระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกกลุ่มความร่วมมือ แม่โขง-ล้านช้าง (MLC)
โดย รมว.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลจากการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ แม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วย ไทย จีน สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการค้าจาก 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560 ให้เป็น 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานหลักของไทยในคณะทำงานความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้รับมอบให้ ร่วมกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้างดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในพันธกิจที่เห็นควรดำเนินการคือ พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ที่มีพรมแดนติดกันเพื่อให้สิทธิพิเศษทางการค้า การลงทุน ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกัน และส่งเสริมให้มีการขยายการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น โดยปัจจุบันประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม และจีน ได้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่างกันแล้ว ในขณะที่ไทยเป็นประเทศเดียวในอนุภูมิภาคที่ยังไม่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับประเทศใด
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการหารือเบื้องต้นกับคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ด่านเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพน่าจะสามารถพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับ ลาว จีน และเมียนมาได้ เนื่องจากเชียงราย เป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่รัฐบาลประกาศให้เป็นพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะสามารถพัฒนาต่อ ยอดอุตสาหกรรมและบริการหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตร ประมง อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องเรือน อุตสาหกรรมอัญมณี ธุรกิจบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว และที่สำคัญยังมีพรม แดนติดต่อกับเมียนมา และสปป. ลาว ตลอดจนมีเส้นทางคมนาคม R3A ที่จะเชื่อมไปถึงจีนตอนใต้ได้
โดยไทยอาจพิจารณาพัฒนาพื้นที่เชียงของให้เป็นคลังสินค้า E-commerce ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการ ช่วยลดต้นทุนในการส่งสินค้าไปขาย ซึ่งตลาดนี้ จะเติบโตอีกมากในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้เสนอให้ไทยหารือกับ ฝ่ายลาวเพื่อปรับปรุงเส้นทาง R3A ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และทำความเข้าใจกับฝ่ายลาวถึงประโยชน์ที่สองฝ่ายจะได้รับร่วมกัน อาทิ การสร้าง rest areas เพื่อเป็นที่พักซึ่งสามารถนำสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าพื้นเมือง/ท้องถิ่น มาขายได้ หรือการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวจากไทยไปยังจีนได้
ทั้งนี้ ในปี 2560 การค้าระหว่าง 6 ประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่ากว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 16 และในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 191,267 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ได้ตั้งเป้าที่จะขยายการค้าระหว่างกันเป็น 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563
โดย รมว.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลจากการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ แม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วย ไทย จีน สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการค้าจาก 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560 ให้เป็น 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานหลักของไทยในคณะทำงานความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้รับมอบให้ ร่วมกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้างดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในพันธกิจที่เห็นควรดำเนินการคือ พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ที่มีพรมแดนติดกันเพื่อให้สิทธิพิเศษทางการค้า การลงทุน ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกัน และส่งเสริมให้มีการขยายการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น โดยปัจจุบันประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม และจีน ได้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่างกันแล้ว ในขณะที่ไทยเป็นประเทศเดียวในอนุภูมิภาคที่ยังไม่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับประเทศใด
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการหารือเบื้องต้นกับคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ด่านเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพน่าจะสามารถพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมข้ามพรมแดนกับ ลาว จีน และเมียนมาได้ เนื่องจากเชียงราย เป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่รัฐบาลประกาศให้เป็นพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะสามารถพัฒนาต่อ ยอดอุตสาหกรรมและบริการหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตร ประมง อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องเรือน อุตสาหกรรมอัญมณี ธุรกิจบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว และที่สำคัญยังมีพรม แดนติดต่อกับเมียนมา และสปป. ลาว ตลอดจนมีเส้นทางคมนาคม R3A ที่จะเชื่อมไปถึงจีนตอนใต้ได้
โดยไทยอาจพิจารณาพัฒนาพื้นที่เชียงของให้เป็นคลังสินค้า E-commerce ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการ ช่วยลดต้นทุนในการส่งสินค้าไปขาย ซึ่งตลาดนี้ จะเติบโตอีกมากในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้เสนอให้ไทยหารือกับ ฝ่ายลาวเพื่อปรับปรุงเส้นทาง R3A ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และทำความเข้าใจกับฝ่ายลาวถึงประโยชน์ที่สองฝ่ายจะได้รับร่วมกัน อาทิ การสร้าง rest areas เพื่อเป็นที่พักซึ่งสามารถนำสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าพื้นเมือง/ท้องถิ่น มาขายได้ หรือการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวจากไทยไปยังจีนได้
ทั้งนี้ ในปี 2560 การค้าระหว่าง 6 ประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่ากว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 16 และในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 191,267 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ได้ตั้งเป้าที่จะขยายการค้าระหว่างกันเป็น 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ