MODERNลั่นปี62รายได้โต15% โชว์แบ็กล็อก 2,700 ล้าน-รับผลบวกเศรษฐกิจฟื้น
Loading

MODERNลั่นปี62รายได้โต15% โชว์แบ็กล็อก 2,700 ล้าน-รับผลบวกเศรษฐกิจฟื้น

วันที่ : 26 ตุลาคม 2561
MODERN ลั่นผลงานครึ่งปีหลังโต หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โชว์แบ็กล็อก 2,700 ล้านบาท บุ๊กรายได้ปีนี้ 60-70% พร้อมเตรียมอนุมัติงบ Q3/2561 กลางเดือน พ.ย.นี้ ลั่นปี 2562 รายได้โต 10-15% รับผลบวกเศรษฐกิจฟื้น–เลือกตั้ง–อสังหาริมทรัพย์ ขยายตัว
          MODERN ลั่นผลงานครึ่งปีหลังโต หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โชว์แบ็กล็อก 2,700 ล้านบาท บุ๊กรายได้ปีนี้ 60-70% พร้อมเตรียมอนุมัติงบ Q3/2561 กลางเดือน พ.ย.นี้ ลั่นปี 2562 รายได้โต 10-15% รับผลบวกเศรษฐกิจฟื้น–เลือกตั้ง–อสังหาริมทรัพย์ ขยายตัว

          นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตได้มากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 1,466.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 54.84 ล้านบาท

          โดยมีปัจจัยหลักมาจากช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งยอดขายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน และลูกค้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มียอดขายมากขึ้นเป็นปกติประจำทุกปีอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงทยอยส่งมอบโครงการต่าง ๆ รวมถึงยอดขายเฟอร์นิเจอร์สำนักงานโดยเฉพาะให้กับส่วนงานราชการเข้ามามากในช่วงปิดงบประมาณประจำปี และการออกสินค้าใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

          สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2561 จะมีการเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 3/2561 ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2561 น่าจะอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติงบในช่วงกลางเดือน พ.ย. 2561

          ขณะเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอสั่งมอบ (Backlog) รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2561 ประมาณ 60-70% อีกทั้งบริษัทยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีโอกาสได้งานโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยรักษาระดับงานในมือให้อยู่ในระดับที่ดีได้

          ทั้งนี้ บริษัทมองว่าผลประกอบการในปี 2561 จะมีรายได้เติบโตไม่ถึง 10-15% ตามแผนที่วางไว้ เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,210.60 ล้านบาท แม้ภาพรวมครึ่งปีหลังจะมีการขยายตัวที่ดี แต่ยังไม่มากพอตามภาวะตลาดที่แข่งขันกันสูงมาก และเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังไม่ได้ฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับโครงสร้างใหม่

          ส่วนภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ บริษัทมองว่าในช่วงปี 2561-2565 มีโอกาสขยายตัวสูงตามโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โครงการวัน แบงค็อก และสามย่านมิตรทาวน์ เป็นต้น ซึ่งจะมีพื้นที่ออฟฟิศเกิดขึ้นใหม่ราว 767,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ประกอบกับประเทศไทยยังเป็นจุดศูนย์กลางที่น่าลงทุนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ คาดว่าภายในปี 2566 จะมีนักลงทุนมาเปิดออฟฟิศจำนวนมาก

          ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดจะยังมีการขยายตัวสูง แต่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีการเปิดโครงการน้อยลง โดยโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวลดลง 15% และโครงการแนวราบเปิดตัวลดลง 21% ซึ่งตลาดระดับกลาง-บนยังคงมีการเติบโตได้ดี แต่ระดับล่างราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท ค่อนข้างชะลอตัว ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เฉลี่ย 5% ของตลาดเฟอร์นิเจอร์อสังหาริมทรัพย์ และมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ย 25-30% ของตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน

          “เราต้องการมองภาพรวมไปปี 2562 แล้ว เนื่องจากแบ็กล็อกที่รับรู้เข้ามาใหม่ก็จะทยอยรับรู้ในปีหน้า และภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะกลับมาดี ตามทิศทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้ง อีกทั้งการปรับปรุงโครงสร้างบริษัทในปีนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้ดีขึ้น ดังนั้นคาดว่าผลประกอบการในปี 2562 จะกลับมามีรายได้เติบโตได้ 10-15% และเน้นตลาดบนมากขึ้น” นายทักษะ กล่าว

          ขณะที่ความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการโรงพยาบาลเกี่ยวกับโรคมะเร็งใน จ.อุบลราชธานี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ที่ 40% ปัจจุบันดำเนินการตามแผนปกติ มีความคืบหน้าไปแล้ว 50% แบ่งเป็น อาคาร A ผู้ป่วยนอก คืบหน้าไปแล้ว 53%, อาคาร B รังสีและเคมีบำบัด คืบหน้าไปแล้ว 45%, อาคาร C ศูนย์อาหาร คืบหน้าไปแล้ว 44% และอาคาร D ผู้ป่วยใน คืบหน้าไปแล้ว 53% ซึ่งมั่นใจจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/2562

          นอกจากนี้ยังมีแผนดำเนินการปรับปรุงโชว์รูมโมเดอร์นฟอร์ม ศรีนครินทร์ใหม่ ซึ่งจะมีสินค้าเกี่ยวกับการตกแต่งคอนโดมิเนียมสมัยใหม่มากขึ้น และพัฒนาโฮมเฟอร์นิเจอร์ให้หลากหลาย รวมถึงโชว์รูมใน จ.ระยอง  และโชว์รูมสาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ในปี 2562 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท

          ส่วนบริษัท โมเดอร์นฟอร์มเฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (Modernfrom Health & Care หรือ MHC) น่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในปีนี้ แต่ด้วยภาวะตลาดที่ไม่ค่อยดีจึงต้องรอดูก่อน ซึ่งตามแผนบริษัทต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ภายในปี 2562