อีอีซีดึงตั้งบริษัทใหม่9เดือนพรวด ทะลุ 2.4 แสนล้าน-เที่ยวเมืองรองดันภัตตาคารโต
วันที่ : 20 ตุลาคม 2561
ยอดจัดตั้งบริษัทใหม่ 9 เดือน พุ่งขึ้นตามการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ดันธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ขยายตัว แต่คาดทั้งปีอาจต่ำกว่าเป้า 80,000 ราย จากการไม่ต่ออายุมาตรการจูงใจ
ยอดจัดตั้งบริษัทใหม่ 9 เดือน พุ่งขึ้นตามการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ดันธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ขยายตัว แต่คาดทั้งปีอาจต่ำกว่าเป้า 80,000 ราย จากการไม่ต่ออายุมาตรการจูงใจ
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ในเดือน ก.ย.2561 มีจำนวน 6,313 ราย แม้จะลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากรวม 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2561) มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 56,271 ราย เพิ่มขึ้น 1% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 659 ราย เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มูลค่าทุนจดทะเบียน 240,486 ล้านบาท เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ ที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ทำให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป มีการจัดตั้งบริษัทเป็นอันดับ 1 จำนวน 592 ราย รองลงมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 356 ราย อันดับ 3 ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 182 ราย ที่เติบโตตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
รวมทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังได้ปรับลดขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคลและลดค่าธรรมเนียม บริษัทจำกัด ที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว จากเดิมจะมีเพดานสูงสุดถึง 275,000 บาท
จากการประเมินภาพรวมการจัดตั้งบริษัทใหม่ของปีนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 80,000 ราย เนื่องจากมาตรการให้ผู้ประกอบการนำสินทรัพย์มาเป็นทุนในการจดทะเบียนได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ฐานของการจดทะเบียนปี 2560 สูงถึง 74,500 ราย ซึ่งยังเชื่อว่าจะสูงกว่าในปี 2561 แน่นอน
ส่วนผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จะกระทบต่อการจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่นั้น เชื่อว่าจะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวให้ลดลงในระยะสั้นเท่านั้น เพราะขณะนี้ รัฐบาลกำลังเร่งหาแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวไทยตามปกติ
ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ ก.ย.2561 มีจำนวน 1,899 ราย เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีธุรกิจที่เลิกกิจการรวม 11,616 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.32% จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.2561 มีจำนวนธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น 710,944 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 18 ล้านล้านบาท
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ในเดือน ก.ย.2561 มีจำนวน 6,313 ราย แม้จะลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากรวม 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2561) มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 56,271 ราย เพิ่มขึ้น 1% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 659 ราย เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มูลค่าทุนจดทะเบียน 240,486 ล้านบาท เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ ที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ทำให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป มีการจัดตั้งบริษัทเป็นอันดับ 1 จำนวน 592 ราย รองลงมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 356 ราย อันดับ 3 ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 182 ราย ที่เติบโตตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
รวมทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังได้ปรับลดขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคลและลดค่าธรรมเนียม บริษัทจำกัด ที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว จากเดิมจะมีเพดานสูงสุดถึง 275,000 บาท
จากการประเมินภาพรวมการจัดตั้งบริษัทใหม่ของปีนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 80,000 ราย เนื่องจากมาตรการให้ผู้ประกอบการนำสินทรัพย์มาเป็นทุนในการจดทะเบียนได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ฐานของการจดทะเบียนปี 2560 สูงถึง 74,500 ราย ซึ่งยังเชื่อว่าจะสูงกว่าในปี 2561 แน่นอน
ส่วนผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จะกระทบต่อการจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่นั้น เชื่อว่าจะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวให้ลดลงในระยะสั้นเท่านั้น เพราะขณะนี้ รัฐบาลกำลังเร่งหาแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวไทยตามปกติ
ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ ก.ย.2561 มีจำนวน 1,899 ราย เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีธุรกิจที่เลิกกิจการรวม 11,616 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.32% จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.2561 มีจำนวนธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น 710,944 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 18 ล้านล้านบาท
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ