รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ไตรมาส 1 ปี 2567
Loading

รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ไตรมาส 1 ปี 2567

วันที่ : 24 มิถุนายน 2567
การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นเครื่องยนต์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ ได้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความต้องการซื้อห้องชุดจากชาวต่างชาติให้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและมูลค่าของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติ โดยได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ในปี 2561-2562
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ติดตามสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นเครื่องยนต์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ ได้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความต้องการซื้อห้องชุดจากชาวต่างชาติให้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและมูลค่าของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติ โดยได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ในปี 2561-2562

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติ 3,938 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 และมีมูลค่ารวมของการโอนกรรมสิทธิ์ 18,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 โดยเป็นพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติทั่วประเทศจำนวน 173,007 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาสนี้ สัดส่วนหน่วยและมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติต่อการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศขยับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 16.7 จาก 15.9 และ ร้อยละ 28.6 จาก 24.3 ตามลำดับ ในด้านของพื้นที่ห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 21.1 จาก 19.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นไตรมาสที่มีสัดส่วนที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561

จังหวัดที่มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติมากสุด 5 อันดับ ประกอบด้วย อันดับ 1 คือ ชลบุรี จำนวน 1,521 หน่วย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 38.6 มูลค่า 4,165 ล้านบาท ขณะที่อันดับ 2 คือ กรุงเทพมหานคร 1,498 หน่วย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 38.0 มูลค่า 10,699 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกันสูงถึงร้อยละ 76.6 และ 82.5 ตามลำดับทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า แม้ชลบุรีได้มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์เป็นอันดับ 1 ตั้งแต่ปี 2566 แทนที่กรุงเทพมหานครเคยเป็นอันดับ 1 ในปีก่อนหน้าถึงปี 2565 แต่กรุงเทพมหานครก็ยังคงเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสูงที่สุดมาโดยตลอด ขณะที่เชียงใหม่มีจำนวนเพียง 249 หน่วย มูลค่า 574 ล้านบาท จังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 242 หน่วย มูลค่า 1,353 ล้านบาท และจังหวัดสมุทรปราการ มีจำนวน 140 หน่วย มูลค่า 392 ล้านบาท ข้อมูลที่กล่าวมานี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของชาวต่างชาติในการซื้อห้องชุดในเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด

สัญชาติของกลุ่มผู้ที่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดสูงสุด 3 สัญชาติในไตรมาส 1 ปี 2567 ประกอบด้วย อันดับ 1 คือ ชาวจีน ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ 1,596 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.8 มูลค่า 7,570 ล้านบาท อันดับ 2 คือ ชาวพม่า จำนวน 392 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.0 มูลค่า 2,207 ล้านบาท และ อันดับ 3 คือ ชาวรัสเซีย จำนวน 295 หน่วย และมีสัดส่วนร้อยละ 7.5 มูลค่า 924 ล้านบาท ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า ชาวพม่าเป็นสัญชาติที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 415.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยับลำดับขึ้นอย่างรวดเร็ว จากลำดับที่ 25 ในปี 2564 เป็นลำดับที่ 6 ในปี 2565 และ เป็นลำดับที่ 4 ในปี 2566 โดยล่าสุดขึ้นมาเป็นลำดับ 2 ในไตรมาส 1 ปี 2567

REIC ยังได้พบว่า คนต่างชาติยังได้ให้ความสนใจที่จะซื้อมือสองอยู่อย่างมีนัยสำคัญ โดยสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติที่เป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสองในด้านจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 55.2 : 44.8 ด้านมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 66.2 : 33.8 และในด้านส่วนพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 50.6 : 49.4 ซึ่งคนต่างชาติอาจมีความต้องการห้องชุดมือสองที่มักจะอยู่ในทำเลพื้นที่ชั้นในหรือพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง ซึ่งในปัจจุบันมีอุปทานให้เลือกน้อยลง

ระดับราคาห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมากที่สุด 5 ลำดับ โดยลำดับแรกอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 52.9 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับราคาได้รับความนิยมจากคนต่างชาติส่วนใหญ่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน รองลงมาคือ ระดับราคา 3.01 - 5.00 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 22.7 ระดับราคา 5.01 - 7.50 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 11.1 ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนร้อยละ 8.3 และระดับราคา 7.51 - 10.00 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 5.0 ตามลำดับ

ขนาดห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติมากสุด 5 ลำดับ โดยลำดับแรกเป็นขนาดพื้นที่ 31 - 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 - 2 ห้องนอน) โดยมีสัดส่วนร้อยละ 49.6 รองลงมา คือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร (สตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน) มีสัดส่วนร้อยละ 35.5 ห้องชุดขนาดพื้นที่ 61 - 100 ตารางเมตร (2 - 3 ห้องนอนขึ้นไป) มีสัดส่วนร้อยละ 10.1 และ ห้องชุดขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร (3 ห้องนอนขึ้นไป) มีสัดส่วนร้อยละ 4.8 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ห้องชุดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีขนาดเฉลี่ย 43.9 ตารางเมตร มูลค่าเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท/หน่วย หรือ ประมาณตารางเมตรละ 104,119 บาท ผู้ซื้อสัญชาติสิงคโปร์มีมูลค่าเฉลี่ยในการรับโอนกรรมสิทธิ์ต่อหน่วยสูงสุด 5.9 ล้านบาท ผู้ซื้อสัญชาติสหรัฐอเมริกามีพื้นที่เฉลี่ยของห้องชุดที่รับโอนกรรมสิทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดเฉลี่ย 60.3 ตารางเมตร สำหรับผู้ซื้อสัญชาติจีน ซึ่งมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดในบรรดาชาวต่างชาติ มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เฉลี่ย 4.7 ล้านบาท/หน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 39.6 ตารางเมตร...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่