เอสซีจีดันโลจิสติกส์ธุรกิจที่ 4 เสริมซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง-เคมิคอล-แพ็กเกจจิ้ง แนะรับ 5 เมกะเทรนด์เปลี่ยนไทย
Loading

เอสซีจีดันโลจิสติกส์ธุรกิจที่ 4 เสริมซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง-เคมิคอล-แพ็กเกจจิ้ง แนะรับ 5 เมกะเทรนด์เปลี่ยนไทย

วันที่ : 4 กันยายน 2561
ซีจีลุยโลจิสติกส์

ซีจีเร่งปรับกลยุทธ์ หาพันธมิตรเดินหน้าขยายธุรกิจ หวังดันบริการโลจิสติกส์สร้างรายได้รับเมกะเทรนด์ ที่จะพลิกโฉมระบบนิเวศธุรกิจไทย

เอสซีจีเร่งปรับกลยุทธ์หาพันธมิตรขยายธุรกิจ หวังดันบริการ โลจิสติกส์สร้างรายได้รับเมกะเทรนด์

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมทีมบริหาร บริษัท เอสซีจี หรือปูนซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ แนวโน้มใหญ่หรือเมกะเทรนด์ที่จะพลิกโฉมระบบนิเวศธุรกิจไทย ประกอบด้วย 1.เทรนด์บริการจัดส่ง หรือโลจิสติกส์ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนตามเทคโนโลยี ความเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น การท่องเที่ยว การบริการที่เติบโต และจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม หรือ Social Infrastructure จากองค์กรธุรกิจรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

เทรนด์ที่ 2 การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ภาคธุรกิจจำเป็นต้องคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงแพ็กเกจจิ้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ที่เน้นถึงความสะดวกสบาย จำนวนการบริโภคที่น้อยชิ้นลง รวมถึงนำแนวคิดเศรษฐกิจแบบใหม่เน้นผลิตสินค้าและบริการจากวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ (Circular Economy) มาปรับใช้รองรับความเป็นอยู่ที่ดี หรือเฮลท์แคร์โซลูชั่น

เทรนด์ที่ 3 การบริโภคที่เติบโต หรือคอนซัมชั่นไทยขยายตัว ตามนโยบายที่จะพึ่งการบริโภคในประเทศช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าบริการ สินค้าเพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงเทรนด์ของโลกและอาเซียนที่จะมีการบริโภคสินค้า แพ็กเกจจิ้งเกี่ยวกับเคมิคอลขยายตัว ดังนั้นภาคธุรกิจต้องปรับตัว หาวิธีรองรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

สำหรับเทรนด์ที่ 4 คือ เทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการพัฒนาและสร้างกลุ่มสตาร์ทอัพจึงจำเป็นในการตอบโจทย์การขับเคลื่อนด้านดิจิทัล และเทรนด์ที่ 5 การขยายตัวของสังคมเมือง หรือ เออเบินไนเซชั่น จากรถไฟฟ้าเช่น โมโนเรลสายสีเหลือง สีชมพู ส่วนต่อขยายสาย สีเขียว สีน้ำเงิน ที่จะเสร็จใน 3-5 ปีนี้

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า สอดคล้องกับแผนธุรกิจของเอสซีจีที่ได้เร่งพัฒนาและปรับตัวหาผลิตภัณฑ์และสินค้าในภาค ค้าปลีก ภาคบริการ และภาคโลจิสติกส์ ให้เข้าถึงและครอบคลุมความต้องการ ของตลาดผู้บริโภค ล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท บุญถาวร กรุ๊ป จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกและบริการเกี่ยวกับบ้าน

ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทได้เตรียมงบลงทุน 300-400 ล้านบาท ในการขยายสาขาและลงทุนด้านระบบไอที โดยจะเริ่มสาขาแรกที่ จ.กระบี่ ขนาด 5,000-8,000 ตร.ม. คาดเปิดให้บริการได้ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนแผนระยะ 3-5 ปี ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 40-50 แห่งในประเทศ รวมถึงมีแผนขยายสู่ต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา จากแนวโน้มการเติบโตภาคการก่อสร้างและ ค้าปลีก และร่วมกับบริษัท ยามาโตะ เอเชีย ต่อยอดธุรกิจขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน

"จากแผนและการเปลี่ยนแปลง ของเมกะเทรนด์ดังกล่าว คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจโลจิสติกส์ของเอสซีจี สามารถก้าวสู่การบริการที่ครบวงจร และสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นขาธุรกิจที่ 4 นอกเหนือจาก 3 กลุ่มธุรกิจเดิม คือ ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เคมิคอล และแพ็กเกจจิ้ง โดยปัจจุบันรายได้ภาคโลจิสติกส์โตเฉลี่ย 1.7 หมื่นล้านบาท" นายรุ่งโรจน์ กล่าว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ