ตะลึงจีนดอดซื้อบ้านยกโครงการไชน่าทาวน์หัวหิน-ชะอำ พันยูนิต
วันที่ : 25 ธันวาคม 2562
เทรนด์ใหม่ลูกค้าจีนช็อปอสังหาฯไทย ดอดซื้อสิทธิการเช่าบ้านตากอากาศยกโครงการ 1,000 หลังเฉียด 5,000 ล้าน ทุนท้องถิ่นมัดใจ ตั้งชื่อหมู่บ้าน "ไชน่าทาวน์ หัวหิน ไทยแลนด์" เผยวิธีการเอเย่นต์จีนทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี เฉลี่ยราคาไม่เกินหลังละ 5 ล้านบาท
เทรนด์ใหม่ลูกค้าจีนช็อปอสังหาฯไทย ดอดซื้อสิทธิการเช่าบ้านตากอากาศยกโครงการ 1,000 หลังเฉียด 5,000 ล้าน ทุนท้องถิ่นมัดใจ ตั้งชื่อหมู่บ้าน "ไชน่าทาวน์ หัวหิน ไทยแลนด์" เผยวิธีการเอเย่นต์จีนทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี เฉลี่ยราคาไม่เกินหลังละ 5 ล้านบาท
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กำลังซื้อ ของนักลงทุนจีนกับอสังหาริมทรัพย์ไทย แนวโน้มเริ่มชะลอความร้อนแรงลงตั้งแต่ไตรมาส 3/61 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จีนยังคงให้ความสนใจลงทุน ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร วิลล่า ตากอากาศในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ชะอำ
ซื้อบ้านยกโครงการหัวหิน-ชะอำ
ล่าสุด พบว่าหัวหิน-ชะอำเป็นทำเลใหม่ ที่ค่อนข้างร้อนแรง นักลงทุนจีนซื้อทั้งคอนโดฯและบ้านจัดสรรเป็นจำนวนมาก โดยมีบางโครงการนำห้องชุด 200 ห้องขายราคาพิเศษเพื่อระบายยูนิตสร้างเสร็จที่เป็นสต๊อกสะสมอยู่ในตลาด
ไฮไลต์อยู่ที่ลูกค้าจีนมีการปรับโมเดลการซื้อ โดยมีโครงการบ้านจัดสรรไม่ต่ำกว่า 1,000 ยูนิตในพื้นที่หัวหิน รวมมูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาทที่มีการขายแบบสิทธิการเช่าระยะยาวให้กับกลุ่มจีนโดยเฉพาะ
เช่น โครงการ ChinaTown Huahin Thailand 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปิดการขายทั้งโครงการในเวลาอันรวดเร็ว, โครงการบุญธานี 36 กว่า 70 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท, โครงการ Guo Tai Group Huahin 50 ไม่ต่ำกว่า 210 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท และโครงการหัวไท่ บนพื้นที่ 80 ไร่ จำนวน 480 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,680 ล้านบาท ทุกโครงการมียอดขายลูกค้าจีนแล้วเกิน 50%
"เรื่องแปลกใหม่คือลูกค้าจีนหันมาสนใจซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น จากเดิมซื้อคอนโดฯ มีกรรมสิทธิ์ได้ 49% เมื่อหันมาซื้อบ้านแม้ไม่ได้ซื้อกรรมสิทธิ์ แต่ก็ใช้วิธีซื้อสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ทำเล ก็เน้นเฉพาะเจาะจงเป็นบ้านพักตากอากาศ พื้นที่หัวหิน ชะอำจึงตอบโจทย์และกลายเป็นตลาดใหม่ของลูกค้าจีน"
เปิดขุมข่ายเอเย่นต์จีน
นายภัทรชัยกล่าวว่า การเจาะตลาดลูกค้าจีนมีช่องทางหลักคือซื้อขายผ่านเอเย่นต์จีน เพราะคนจีนให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่าซื้อกับคนไทย แนวโน้ม ปี 2563 กลยุทธ์หลักยังต้องพึ่งเครือข่าย เอเย่นต์จีน
สำหรับเครือข่ายโบรกเกอร์จีนรายใหญ่ ในเมืองไทยที่มียอดขายสูง ได้แก่ 1.บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด รับบริหารงานขายให้กับโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯแทบทุกราย 2.กลุ่ม Golden Emperor Thailand ถือเป็นเอเย่นต์อีกรายที่ได้รับความนิยม 3.การใช้บริการหากลุ่มผู้ซื้อต่างชาติผ่านแพลตฟอร์มชื่อดัง Sellorate ซึ่งค่อนข้าง เป็นที่นิยมในการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 4.Juwai.com เว็บไซต์อันดับหนึ่งสำหรับ ชาวจีนในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ ต่างประเทศ เข้าถึงผู้บริโภค 3.1 ล้านคน/เดือน มีจำนวนประกาศขายมากกว่า 2 ล้านประกาศ รองรับการใช้งาน 90 ประเทศ
"กรณีการซื้อสิทธิการเช่าระยะยาวในหัวหิน-ชะอำเป็นดีลระหว่างเอเย่นต์จีนกับดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่นเป็นหลัก อาจเป็นเพราะลูกค้าหลักเดิมที่เป็น กลุ่มสแกนดิเนเวียนมีการแข่งขันสูงมาก ทุนท้องถิ่นจึงมองหาโอกาสทำธุรกิจกับลูกค้าจีน ซึ่งการหาข้อมูลทำได้ยากมากเพราะถือเป็นความลับ คงเกรงว่าจะนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับโครงการคู่แข่ง เท่าที่ทราบบางรายก็ทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี ซึ่งกฎหมายไทยรองรับไว้เท่านี้ บางรายมีการต่อสัญญาทุก 5 ปีครั้งละ 5 ล้านบาท"
5 เดือนแรกเงินโอนจีน -21%
นายภัทรชัยกล่าวด้วยว่า สถิติการซื้อ ที่อยู่อาศัยของลูกค้าจีนในปี 2561 ข้อมูล จากการโอนเงินข้ามประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย มีการโอนเงิน 39,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 23,621 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของมูลค่าเงินโอนเพื่อซื้ออาคารชุด ของชาวต่างชาติในภาพรวม และมีสัดส่วน 12% ของมูลค่าการโอน คอนโดฯทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 อยู่ที่ 9%
ในขณะที่ช่วง 5 เดือนแรก 2562 มูลค่าเงินโอนเพื่อซื้อคอนโดฯของ ต่างชาติปรับลดลง ตลาดจีนและฮ่องกงติดลบ -21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีมูลค่าเงินโอน 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีเงินโอน 3.5 หมื่นล้านบาท
"ปีนี้แม้ทิศทางจะลดลง แต่ความ สนใจซื้อและความนิยมอสังหาฯ ไทยของลูกค้าจีนยังมีต่อเนื่อง" นายภัทรชัยกล่าว
เทรนด์จีนยังแรง-รักษาแชมป์
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. (REIC) กล่าวว่า ข้อมูลกรมที่ดินเกี่ยวกับการโอนห้องชุดของลูกค้า ต่างชาติ 9 เดือนแรก 2562 ยูนิตเพิ่ม 1.8% จำนวน 9,427 ยูนิต แต่มูลค่าติดลบ -5.8% โดยช่วงเดียวกันปี 2561 มีมูลค่าโอน 38,214 ล้านบาท เหลือ 35,987 ล้านบาท
ทำเลหลักยังเป็นการโอนห้องชุดในกรุงเทพฯ 51% ที่เหลือเป็นการโอนทำเลต่างจังหวัดรวมกัน 49% โดยลูกค้าจีนโอนมากสุดสัดส่วน 57-58% ของตลาดลูกค้าต่างชาติในภาพรวม
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กำลังซื้อ ของนักลงทุนจีนกับอสังหาริมทรัพย์ไทย แนวโน้มเริ่มชะลอความร้อนแรงลงตั้งแต่ไตรมาส 3/61 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จีนยังคงให้ความสนใจลงทุน ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร วิลล่า ตากอากาศในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ชะอำ
ซื้อบ้านยกโครงการหัวหิน-ชะอำ
ล่าสุด พบว่าหัวหิน-ชะอำเป็นทำเลใหม่ ที่ค่อนข้างร้อนแรง นักลงทุนจีนซื้อทั้งคอนโดฯและบ้านจัดสรรเป็นจำนวนมาก โดยมีบางโครงการนำห้องชุด 200 ห้องขายราคาพิเศษเพื่อระบายยูนิตสร้างเสร็จที่เป็นสต๊อกสะสมอยู่ในตลาด
ไฮไลต์อยู่ที่ลูกค้าจีนมีการปรับโมเดลการซื้อ โดยมีโครงการบ้านจัดสรรไม่ต่ำกว่า 1,000 ยูนิตในพื้นที่หัวหิน รวมมูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาทที่มีการขายแบบสิทธิการเช่าระยะยาวให้กับกลุ่มจีนโดยเฉพาะ
เช่น โครงการ ChinaTown Huahin Thailand 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปิดการขายทั้งโครงการในเวลาอันรวดเร็ว, โครงการบุญธานี 36 กว่า 70 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท, โครงการ Guo Tai Group Huahin 50 ไม่ต่ำกว่า 210 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท และโครงการหัวไท่ บนพื้นที่ 80 ไร่ จำนวน 480 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,680 ล้านบาท ทุกโครงการมียอดขายลูกค้าจีนแล้วเกิน 50%
"เรื่องแปลกใหม่คือลูกค้าจีนหันมาสนใจซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น จากเดิมซื้อคอนโดฯ มีกรรมสิทธิ์ได้ 49% เมื่อหันมาซื้อบ้านแม้ไม่ได้ซื้อกรรมสิทธิ์ แต่ก็ใช้วิธีซื้อสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ทำเล ก็เน้นเฉพาะเจาะจงเป็นบ้านพักตากอากาศ พื้นที่หัวหิน ชะอำจึงตอบโจทย์และกลายเป็นตลาดใหม่ของลูกค้าจีน"
เปิดขุมข่ายเอเย่นต์จีน
นายภัทรชัยกล่าวว่า การเจาะตลาดลูกค้าจีนมีช่องทางหลักคือซื้อขายผ่านเอเย่นต์จีน เพราะคนจีนให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่าซื้อกับคนไทย แนวโน้ม ปี 2563 กลยุทธ์หลักยังต้องพึ่งเครือข่าย เอเย่นต์จีน
สำหรับเครือข่ายโบรกเกอร์จีนรายใหญ่ ในเมืองไทยที่มียอดขายสูง ได้แก่ 1.บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด รับบริหารงานขายให้กับโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯแทบทุกราย 2.กลุ่ม Golden Emperor Thailand ถือเป็นเอเย่นต์อีกรายที่ได้รับความนิยม 3.การใช้บริการหากลุ่มผู้ซื้อต่างชาติผ่านแพลตฟอร์มชื่อดัง Sellorate ซึ่งค่อนข้าง เป็นที่นิยมในการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 4.Juwai.com เว็บไซต์อันดับหนึ่งสำหรับ ชาวจีนในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ ต่างประเทศ เข้าถึงผู้บริโภค 3.1 ล้านคน/เดือน มีจำนวนประกาศขายมากกว่า 2 ล้านประกาศ รองรับการใช้งาน 90 ประเทศ
"กรณีการซื้อสิทธิการเช่าระยะยาวในหัวหิน-ชะอำเป็นดีลระหว่างเอเย่นต์จีนกับดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่นเป็นหลัก อาจเป็นเพราะลูกค้าหลักเดิมที่เป็น กลุ่มสแกนดิเนเวียนมีการแข่งขันสูงมาก ทุนท้องถิ่นจึงมองหาโอกาสทำธุรกิจกับลูกค้าจีน ซึ่งการหาข้อมูลทำได้ยากมากเพราะถือเป็นความลับ คงเกรงว่าจะนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับโครงการคู่แข่ง เท่าที่ทราบบางรายก็ทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี ซึ่งกฎหมายไทยรองรับไว้เท่านี้ บางรายมีการต่อสัญญาทุก 5 ปีครั้งละ 5 ล้านบาท"
5 เดือนแรกเงินโอนจีน -21%
นายภัทรชัยกล่าวด้วยว่า สถิติการซื้อ ที่อยู่อาศัยของลูกค้าจีนในปี 2561 ข้อมูล จากการโอนเงินข้ามประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย มีการโอนเงิน 39,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 23,621 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของมูลค่าเงินโอนเพื่อซื้ออาคารชุด ของชาวต่างชาติในภาพรวม และมีสัดส่วน 12% ของมูลค่าการโอน คอนโดฯทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 อยู่ที่ 9%
ในขณะที่ช่วง 5 เดือนแรก 2562 มูลค่าเงินโอนเพื่อซื้อคอนโดฯของ ต่างชาติปรับลดลง ตลาดจีนและฮ่องกงติดลบ -21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีมูลค่าเงินโอน 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีเงินโอน 3.5 หมื่นล้านบาท
"ปีนี้แม้ทิศทางจะลดลง แต่ความ สนใจซื้อและความนิยมอสังหาฯ ไทยของลูกค้าจีนยังมีต่อเนื่อง" นายภัทรชัยกล่าว
เทรนด์จีนยังแรง-รักษาแชมป์
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. (REIC) กล่าวว่า ข้อมูลกรมที่ดินเกี่ยวกับการโอนห้องชุดของลูกค้า ต่างชาติ 9 เดือนแรก 2562 ยูนิตเพิ่ม 1.8% จำนวน 9,427 ยูนิต แต่มูลค่าติดลบ -5.8% โดยช่วงเดียวกันปี 2561 มีมูลค่าโอน 38,214 ล้านบาท เหลือ 35,987 ล้านบาท
ทำเลหลักยังเป็นการโอนห้องชุดในกรุงเทพฯ 51% ที่เหลือเป็นการโอนทำเลต่างจังหวัดรวมกัน 49% โดยลูกค้าจีนโอนมากสุดสัดส่วน 57-58% ของตลาดลูกค้าต่างชาติในภาพรวม