LPN ตอกย้ำความเป็นชุมชนน่าอยู่ ทุ่มงบ 150 ล้านบาท กระตุ้นผ่านการโฆษณารีแบรนดิ้งใหม่ในรอบ 10 ปี กับแนวคิดสร้างบ้านที่ "พอดี" กับการใช้ชีวิตจริงและส่งเสริมแบรนดิ้งผ่านการเปิด 10 โครงการ มูลค่ากว่า 15,000-16,000 ล้านบาทที่จะรุกหนักในช่วง 6 เดือนจากนี้ แย้มรวมรายได้ 11,000 ล้านบาท

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2562 ว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด "ชุมชนน่าอยู่" พร้อมได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณารีแบรนดิ้งครั้งแรกในรอบ 10 ปี ผ่านหนังโฆษณา "Dream Home" ภายใต้แนวคิด "ความพอดี ที่ดีกว่า" กับ 3 องค์ประกอบหลักได้แก่ 1. พอดีกับการออกแบบ 2. พอดีกับการใชัชีวิต และ 3. พอดีกับบริการ ซึ่งจะเน้นสื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจในชีวิตจริง เราต้องการ "บ้าน" แบบไหน ระหว่างบ้าน ที่ล้ำยุค ดีไซน์ล้ำสมัย ตรงตามค่านิยม "บ้านในฝัน" ของคนสมัยนี้ ที่อาจกลายเป็นฝันร้ายหลังเข้าอยู่ เพราะไม่ได้ออกแบบมาจากการใช้ชีวิตจริง

          "งบในการสื่อสารกับผู้บริโภคและการทำประชาสัมพันธ์ควบคู่ไปกับการเปิดโครงการใหม่ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า 150 ล้านบาท ซึ่งในแผนธุรกิจของ LPN ต้องการกระจายฐานรายได้ออกหลายๆส่วน เพื่อลดความเสี่ยง โดยยังคงรักษารายได้จากการสร้างและขายอาคารชุดพักอาศัยปีละหมื่นล้านบาท รวมถึงการขยายการเติบโตของโครงการบ้านพักอาศัยอย่างน้อย 50% ของอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งในช่วงปลายเดือน ต.ค. LPN จะจัดแคมเปญใหญ่ กระตุ้นยอดขาย วางเป้าไว้ 4,000 ล้านบาท ประกอบกับในไตรมาส 4 จะมี 4 โครงการคอนโดฯที่พร้อมอยู่ สามารถขายได้และโอนได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจาก LTV ซึ่งจะมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าปีนี้รายได้รวมจากธุรกิจบริการจะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 63 ตัวเลขจะใกล้เคียงกับปี 62"

          ในส่วนของแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 62 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 63 (รวม 6 เดือนข้างหน้า) มีแผนเปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการกว่า 15,000-16,000 ล้านบาท (อยู่ระหว่างเจรจาอีก 2 แปลง บนเส้นจรัญสนิทวงศ์) ได้แก่ ในส่วนของอาคารชุดพักอาศัยที่แน่ชัด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,050 ล้านบาท ส่วนโครงการบ้านพักอาศัยรวม 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,420 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายในการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย มูลค่ารวมกว่า 8,502 ล้านบาท