CHEWA ลั่นครึ่งปีหลังลุยเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,248 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 992 ล้านบาท รับรู้ปีนี้ 295 ล้านบาท พร้อมมองตลาดอสังหาฯ มีการแข่งขันสูง-ลูกค้าต่างชาติลด-ระบายสต๊อกยาก-โอนโครงการไม่ทันกำหนด คาดฉุดรายได้ปีนี้ลงเหลือ 1,600 ล้านบาท

          นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 2562 เหลืออยู่ที่ระดับ 1,600 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าหมายจะมีรายได้รวม 2,880 ล้านบาท เพราะไม่สามารถโอนโครงการได้ทันกำหนด 2 โครงการ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มใช้มาตรการคุมเข้มสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ (LTV) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 เพื่อควบคุมระดับวงเงินปล่อยกู้ต่อมูลค่าหลักประกันที่อยู่อาศัย ทำให้ความต้องการ (ดีมานด์) ลดลงอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีปัจจัยลบจากภายนอกประเทศอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และลูกค้าจากฮ่องกงที่เคยซื้อโครงการในประเทศไทยจำนวนมากก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน

          สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้เพิ่มอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท จากการระบายสินค้าเหลือขาย (สต๊อก) และการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2562 จากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 614.90 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 6.41 ล้านบาท

          ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ โครงการแนวราบ 3 โครงการ และโครงการร่วมทุน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,248 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/2562 ได้เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1,587 ล้านบาท ส่วนโครงการที่เหลือจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง

          โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 992 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2562 ประมาณ 295 ล้านบาท จาก 6 โครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลือ 697 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2563 ขณะที่ปัจจุบันมีสต๊อกเหลือขายเพียง 150 ห้องเท่านั้น

          นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2562 มีความท้าทายเป็นอย่างมาก หลังจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ลูกค้าต่างชาติมีการตัดสินใจซื้อยากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่กลับมาเน้นขายตลาดในประเทศแทน และเริ่มมีการตัดราคาขายโครงการให้กับลูกค้าในประเทศ อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่มีสต๊อกที่หลากหลาย และดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ซึ่งบริษัทจะมีข้อเสียเปรียบในเรื่องการแข่งขัน และระบายสต๊อกออกได้ยากขึ้น

          นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2562 บริษัทยังมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานให้เช่าอีก 4 โรง ในพื้นที่ที่เหลืออยู่ ประกอบกับมองหาการควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) โรงงานที่มีผู้เช่าอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะสรุปได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ในส่วนของโรงงานให้เช่า และ M&A จะใช้งบลงทุนของธุรกิจสร้างรายได้ประจำ ซึ่งในปี 2562 ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 500 ล้านบาท