'ธนาแลนด์'พลิกแผนรับมืออสังหาฯทรุด
วันที่ : 19 สิงหาคม 2562
ธนาแลนด์ รับปีนี้ยอดขาย ส่อแววต่ำเป้า หลังมาตรการแอลทีวีกระทบยอดโอน เผยแผนปีหน้าพลิกเกมรับมือตลาดชะลอตัวผุดโลว์ ไรส์ เลี่ยงปะทะ คู่แข่งรายใหญ่
ธนาแลนด์ รับปีนี้ยอดขาย ส่อแววต่ำเป้า หลังมาตรการแอลทีวีกระทบยอดโอน เผยแผนปีหน้าพลิกเกมรับมือตลาดชะลอตัวผุดโลว์ ไรส์ เลี่ยงปะทะ คู่แข่งรายใหญ่
นายโกวิทย์ สุวาณิชย์กุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด ประเมินว่า ยอดขายรวมในปีนี้น่าจะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายและน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบรอบด้านทั้งสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ สถานการณ์การเมือง และมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ยอดโอนโครงการ แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม สูง 23 ชั้น จำนวน 500 ยูนิต บน ถ.จรัญสนิทวงศ์ 44-46 ที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ไม่เป็นไปตามเป้าหมายทั้งที่ยอดขายสูง 90% เหลือ 10% หรือประมาณ50 ยูนิตที่ลูกค้าติดปัญหากู้ไม่ผ่าน ประกอบกับสถานการณ์หลังจาก เลือกตั้งไม่คึกคักเท่าที่ควร ตลาดอสังหาฯชะลอตัวส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนโครงการคอนโดโลว์ ไรส์ ในเมือง 8 ชั้น จำนวน150 ยูนิต มูลค่า 450 ล้านบาท ย่านนราธิวาสฯจากกลางปีมาเป็น ไตรมาส 4 ปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นไป ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คาดว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการอยู่ที่ 550 ล้านบาท
นายโกวิทย์ ยังกล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯในปี2563 คาดว่า จะชะลอตัว อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทปรับแผน การดำเนินธุรกิจด้วยการพัฒนาโครงการคอนโดโลว์ ไรส์ ที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ในพื้นที่กลางใจเมือง ตามย่านชุมชน ที่มีออฟฟิศสำนักงาน โรงเรียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีพื้นที่ 1 ไร่ พอที่จะทำโครงการขนาดเล็กทำให้ สามารถก่อสร้างเสร็จเร็ว และคืนทุนเร็วกว่าการทำคอนโดไฮไรส์ ที่สำคัญไม่มีคู่แข่ง เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่นิยมลงทุนทำเพราะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเท่ากับผู้ประกอบการรายกลางและเล็ก จึงเป็นจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน "สไตล์การทำงานของธนาแลนด์ จะไม่รีบร้อน หากไม่พร้อม หรือ สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยสามารถ ชะลอโครงการออกไปได้ เพราะไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้อง เปิดโครงการเพื่อให้หุ้นไปต่อได้ และจะไม่แบ่งเกรดคอนโดตาม แบรนด์เหมือนบริษัทในตลาด หลักทรัพย์ เนื่องจากมองว่าเกรดขึ้น อยู่กับทำเลจึงนำหน้าชื่อโครงการด้วย "ธนา" และตามด้วยคอนเซ็ปต์ การออกแบบของโครงการในทำเลนั้นๆที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ในราคาที่สามารถแข่งขันได้" ส่วนของทิศทางการดำเนินธุรกิจจะเน้นการพัฒนา1.โครงการสำหรับที่อยู่อาศัยเป็นหลักทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อขาย หลักๆจะเป็นคอนโดมิเนียม หากเลือกได้ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเลือกทำขนาดโครงการเล็กลงเพื่อ ให้เสร็จเร็วและจบโครงการได้เร็ว ซึ่งต้องทำการบ้านเยอะขึ้น ส่วนโครงการแนวราบยังคงชะลอไปก่อน เพราะแข่งกับรายใหญ่ที่ลงทุนกว้านซื้อที่ทำที่ละเฟส สามารถคุมต้นทุนได้ดีกว่าทำให้แข่งขันยาก และ2.การพัฒนาโครงการเพื่อการเช่า เพื่อให้มีกระแสเงินเข้ามายังบริษัทฯ ต่อเนื่อง ทุกเดือน โดยมาจากรีโนเวท "ธนา อาทีเรีย" จำนวน 70 ห้อง ซึ่งอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ารายเดือน ตรงสถานีรถไฟฟ้า บางยี่ขัน สำหรับคนที่ไม่อยากซื้อคอนโด เพราะมีบ้านอยู่แล้ว หรือมาทำงานย่านนี้ชั่วคราว
นายโกวิทย์ สุวาณิชย์กุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด ประเมินว่า ยอดขายรวมในปีนี้น่าจะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายและน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบรอบด้านทั้งสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ สถานการณ์การเมือง และมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ยอดโอนโครงการ แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม สูง 23 ชั้น จำนวน 500 ยูนิต บน ถ.จรัญสนิทวงศ์ 44-46 ที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ไม่เป็นไปตามเป้าหมายทั้งที่ยอดขายสูง 90% เหลือ 10% หรือประมาณ50 ยูนิตที่ลูกค้าติดปัญหากู้ไม่ผ่าน ประกอบกับสถานการณ์หลังจาก เลือกตั้งไม่คึกคักเท่าที่ควร ตลาดอสังหาฯชะลอตัวส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนโครงการคอนโดโลว์ ไรส์ ในเมือง 8 ชั้น จำนวน150 ยูนิต มูลค่า 450 ล้านบาท ย่านนราธิวาสฯจากกลางปีมาเป็น ไตรมาส 4 ปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นไป ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คาดว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการอยู่ที่ 550 ล้านบาท
นายโกวิทย์ ยังกล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯในปี2563 คาดว่า จะชะลอตัว อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทปรับแผน การดำเนินธุรกิจด้วยการพัฒนาโครงการคอนโดโลว์ ไรส์ ที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ในพื้นที่กลางใจเมือง ตามย่านชุมชน ที่มีออฟฟิศสำนักงาน โรงเรียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีพื้นที่ 1 ไร่ พอที่จะทำโครงการขนาดเล็กทำให้ สามารถก่อสร้างเสร็จเร็ว และคืนทุนเร็วกว่าการทำคอนโดไฮไรส์ ที่สำคัญไม่มีคู่แข่ง เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่นิยมลงทุนทำเพราะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเท่ากับผู้ประกอบการรายกลางและเล็ก จึงเป็นจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน "สไตล์การทำงานของธนาแลนด์ จะไม่รีบร้อน หากไม่พร้อม หรือ สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยสามารถ ชะลอโครงการออกไปได้ เพราะไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้อง เปิดโครงการเพื่อให้หุ้นไปต่อได้ และจะไม่แบ่งเกรดคอนโดตาม แบรนด์เหมือนบริษัทในตลาด หลักทรัพย์ เนื่องจากมองว่าเกรดขึ้น อยู่กับทำเลจึงนำหน้าชื่อโครงการด้วย "ธนา" และตามด้วยคอนเซ็ปต์ การออกแบบของโครงการในทำเลนั้นๆที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ในราคาที่สามารถแข่งขันได้" ส่วนของทิศทางการดำเนินธุรกิจจะเน้นการพัฒนา1.โครงการสำหรับที่อยู่อาศัยเป็นหลักทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อขาย หลักๆจะเป็นคอนโดมิเนียม หากเลือกได้ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเลือกทำขนาดโครงการเล็กลงเพื่อ ให้เสร็จเร็วและจบโครงการได้เร็ว ซึ่งต้องทำการบ้านเยอะขึ้น ส่วนโครงการแนวราบยังคงชะลอไปก่อน เพราะแข่งกับรายใหญ่ที่ลงทุนกว้านซื้อที่ทำที่ละเฟส สามารถคุมต้นทุนได้ดีกว่าทำให้แข่งขันยาก และ2.การพัฒนาโครงการเพื่อการเช่า เพื่อให้มีกระแสเงินเข้ามายังบริษัทฯ ต่อเนื่อง ทุกเดือน โดยมาจากรีโนเวท "ธนา อาทีเรีย" จำนวน 70 ห้อง ซึ่งอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ารายเดือน ตรงสถานีรถไฟฟ้า บางยี่ขัน สำหรับคนที่ไม่อยากซื้อคอนโด เพราะมีบ้านอยู่แล้ว หรือมาทำงานย่านนี้ชั่วคราว
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ