แมกโนเลียฯ เร่งปั๊มยอด ซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดริมน้ำ
วันที่ : 15 สิงหาคม 2562
แมกโนเลียฯ ไม่หวั่น เศรษฐกิจชะลอ ลั่นเดินหน้าโครงการ อสังหาฯในเครือตามแผน แย้มสนใจลงทุนอสังหาฯมิกซ์ยูส 100 ไร่ ภาคตะวันออก เผยโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มียอดขายแล้ว 85% ตั้งเป้าสิ้นปีปิดการขาย
แมกโนเลียฯ ไม่หวั่น เศรษฐกิจชะลอ ลั่นเดินหน้าโครงการ อสังหาฯในเครือตามแผน แย้มสนใจลงทุนอสังหาฯมิกซ์ยูส 100 ไร่ ภาคตะวันออก เผยโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มียอดขายแล้ว 85% ตั้งเป้าสิ้นปีปิดการขาย
นางทิพาภรณ์ อริยวรารมย์ (เจียรวนนท์)ประธานกรรมการบริหารบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บุตรสาวนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว แต่บริษัทจะยังคงเดินหน้าทำโครงการตามแผนที่วางไว้
เนื่องจากไม่ได้ทำโครงการมาก แต่เลือกลงทุนทำโครงการที่มีศักยภาพ จึงมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไม่จำเป็นต้องปรับแผนใหม่
นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธาน ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจงานอสังหา ริมทรัพย์และบริการ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ว่า เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แบรนด์ "แมนดาริน โอเรียนเต็ล" แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนับเป็นแห่งที่7 ของโลกพร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง และพื้นที่ส่วนกลางบนอาคารจริงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเริ่มก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2557
โดยโครงการดังกล่าว มีมูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท สูง 52 ชั้น 146 ยูนิต ภายใต้พื้นที่ 4.9 ไร่ แบ่งห้องออกเป็น4แบบ2ห้องนอน127.87 ตร.ม. - 165.40 ตร.ม.3 ห้องนอน 222.21 ตร.ม. - 228.88 ตร.ม. เพนท์เฮ้าส์ 380.93 ตร.ม. - 383.98 ตร.ม. และเพนท์เฮาส์ ดูเพล็กซ์ 386.12 ตร.ม. - 707.28 ตรม ซึ่งตัวโครงการเป็นส่วนหนึ่ง ของไอคอนสยาม
ล่าสุด โครงการดังกล่าว มียอดขาย 85% มาจากคนไทย70% อีก30% เป็นลูกค้าต่างชาติเป็นคนจีนเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นฮ่องกง ยังมีส่วนที่เหลืออีก 30 ยูนิต โดยยูนิตที่แพงที่สุดคือเพนท์เฮาส์ ดูเพล็กซ์ จำนวน 2 ห้อง ราคา530 ล้านบาท รองลงมาคือ ราคา 250 ล้านบาท โดยราคาขายเฉลี่ย 550,000 บาทต่อตร.ม. ราคาสูงสุด 759,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่งเป็นห้องเพนท์เฮาส์ โดยสามารถเข้าอยู่ได้ตั้งแต่ 15 ส.ค.นี้เป็นต้นไป คาดว่า สิ้นปีนี้ สามารถปิดโครงการได้
"ขณะนี้ ราคาโครงการได้ขยับ ราคาขึ้นจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จาก 350,000 บาทต่อตร.ม. เป็น 550,000 บาทต่อตร.ม. ถือเป็นโครงการที่มีราคาสูงสุดในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะที่ดินแถวนี้หายาก โดยเฉพาะที่ดินที่เป็นฟรีโฮลด์ (ผู้ซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน) ที่นับวันราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่ต้องการสะสมเป็นสมบัติให้ลูกหลาน หรือบางกลุ่มเพื่อลงทุน"
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นการเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพฯ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในทุกด้านในรูปแบบของการเป็นโครงการมิกซ์ ยูส ด้านการคมนาคมทางน้ำ ทางถนนและรถไฟฟ้าสายสีทองที่กำลังจะเปิดในอนาคต ภายใต้มาตรฐานการให้บริการของแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก
"ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อโครงการของลูกค้า กลุ่มนี้คือคุณภาพของการออกแบบ การก่อสร้าง และบริการต่างๆ รวมถึง ความเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการอาคารจะได้มาตรฐานระดับโลก และลูกค้า กลุ่มนี้รู้ว่าทรัพย์สินหายากแบบนี้อยู่เหนือความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและมีมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลาจึงเป็นเหตุผลที่โครงการได้รับความสนใจจากลูกค้า" นายคีรินทร์ เผย และว่าแมกโนเลียฯ ยังมีความสนใจที่จะทำโครงการอสังหาฯ มิกซ์ยูส (ผสมผสาน) ขนาด 100 ไร่ ในภาคตะวันออกในอนาคต
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อโครงการของลูกค้าคือ คุณภาพของการออกแบบ การก่อสร้าง และบริการต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการอาคารมาตรฐานระดับโลก
นางทิพาภรณ์ อริยวรารมย์ (เจียรวนนท์)ประธานกรรมการบริหารบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บุตรสาวนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว แต่บริษัทจะยังคงเดินหน้าทำโครงการตามแผนที่วางไว้
เนื่องจากไม่ได้ทำโครงการมาก แต่เลือกลงทุนทำโครงการที่มีศักยภาพ จึงมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไม่จำเป็นต้องปรับแผนใหม่
นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธาน ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจงานอสังหา ริมทรัพย์และบริการ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ว่า เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แบรนด์ "แมนดาริน โอเรียนเต็ล" แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนับเป็นแห่งที่7 ของโลกพร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง และพื้นที่ส่วนกลางบนอาคารจริงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเริ่มก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2557
โดยโครงการดังกล่าว มีมูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท สูง 52 ชั้น 146 ยูนิต ภายใต้พื้นที่ 4.9 ไร่ แบ่งห้องออกเป็น4แบบ2ห้องนอน127.87 ตร.ม. - 165.40 ตร.ม.3 ห้องนอน 222.21 ตร.ม. - 228.88 ตร.ม. เพนท์เฮ้าส์ 380.93 ตร.ม. - 383.98 ตร.ม. และเพนท์เฮาส์ ดูเพล็กซ์ 386.12 ตร.ม. - 707.28 ตรม ซึ่งตัวโครงการเป็นส่วนหนึ่ง ของไอคอนสยาม
ล่าสุด โครงการดังกล่าว มียอดขาย 85% มาจากคนไทย70% อีก30% เป็นลูกค้าต่างชาติเป็นคนจีนเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นฮ่องกง ยังมีส่วนที่เหลืออีก 30 ยูนิต โดยยูนิตที่แพงที่สุดคือเพนท์เฮาส์ ดูเพล็กซ์ จำนวน 2 ห้อง ราคา530 ล้านบาท รองลงมาคือ ราคา 250 ล้านบาท โดยราคาขายเฉลี่ย 550,000 บาทต่อตร.ม. ราคาสูงสุด 759,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่งเป็นห้องเพนท์เฮาส์ โดยสามารถเข้าอยู่ได้ตั้งแต่ 15 ส.ค.นี้เป็นต้นไป คาดว่า สิ้นปีนี้ สามารถปิดโครงการได้
"ขณะนี้ ราคาโครงการได้ขยับ ราคาขึ้นจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จาก 350,000 บาทต่อตร.ม. เป็น 550,000 บาทต่อตร.ม. ถือเป็นโครงการที่มีราคาสูงสุดในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะที่ดินแถวนี้หายาก โดยเฉพาะที่ดินที่เป็นฟรีโฮลด์ (ผู้ซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน) ที่นับวันราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่ต้องการสะสมเป็นสมบัติให้ลูกหลาน หรือบางกลุ่มเพื่อลงทุน"
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นการเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพฯ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในทุกด้านในรูปแบบของการเป็นโครงการมิกซ์ ยูส ด้านการคมนาคมทางน้ำ ทางถนนและรถไฟฟ้าสายสีทองที่กำลังจะเปิดในอนาคต ภายใต้มาตรฐานการให้บริการของแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก
"ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อโครงการของลูกค้า กลุ่มนี้คือคุณภาพของการออกแบบ การก่อสร้าง และบริการต่างๆ รวมถึง ความเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการอาคารจะได้มาตรฐานระดับโลก และลูกค้า กลุ่มนี้รู้ว่าทรัพย์สินหายากแบบนี้อยู่เหนือความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและมีมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลาจึงเป็นเหตุผลที่โครงการได้รับความสนใจจากลูกค้า" นายคีรินทร์ เผย และว่าแมกโนเลียฯ ยังมีความสนใจที่จะทำโครงการอสังหาฯ มิกซ์ยูส (ผสมผสาน) ขนาด 100 ไร่ ในภาคตะวันออกในอนาคต
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อโครงการของลูกค้าคือ คุณภาพของการออกแบบ การก่อสร้าง และบริการต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการอาคารมาตรฐานระดับโลก
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ