SCสยายปีกบุกสหรัฐอเมริกาอัพรายได้ประจำโตแตะ20%
วันที่ : 7 สิงหาคม 2562
SC ตั้งงบลงทุน 3 ปี วงเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ลงทุนอสังหาในสหรัฐ หวังกระจายความเสี่ยง ตั้งเป้า IRR ไม่ต่ำกว่า 15% เตรียมรับมอบ อพาร์ตเมนต์ช่วงไตรมาส 4/2562 คาดสัดส่วนกำไรจากการลงทุน Recurring Income แตะ 20% จากปัจจุบันที่ 6-7% ขณะที่คงเป้ารายได้ปีนี้ 1.9 หมื่นล้านบาท ตุนงานในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท มั่นใจยอดขายตามเป้าที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีหลังเร่งเปิดโครงการ 13 โครงการตามแผน มองตลาดอสังหาแนวราบยังเติบโตได้
SC ตั้งงบลงทุน 3 ปี วงเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ลงทุนอสังหาในสหรัฐ หวังกระจายความเสี่ยง ตั้งเป้า IRR ไม่ต่ำกว่า 15% เตรียมรับมอบ อพาร์ตเมนต์ช่วงไตรมาส 4/2562 คาดสัดส่วนกำไรจากการลงทุน Recurring Income แตะ 20% จากปัจจุบันที่ 6-7% ขณะที่คงเป้ารายได้ปีนี้ 1.9 หมื่นล้านบาท ตุนงานในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท มั่นใจยอดขายตามเป้าที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีหลังเร่งเปิดโครงการ 13 โครงการตามแผน มองตลาดอสังหาแนวราบยังเติบโตได้
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอ สเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจด้วยการเข้าลงทุนซื้ออพาร์ตเมนต์ในบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าลงทุนราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงคาดว่าจะส่งมอบโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562
ซึ่งการเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นโมเดลที่บริษัทต้องการจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และจะพิจารณาเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งกรอบเงินลงทุน 3 ปี (2562-2564) ไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้ง เป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 15%
ลงทุนอสังหาสหรัฐ
อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าระยะเวลา 3-5 ปี บริษัทจะมีสัดส่วนกำไรจากการเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) จะอยู่ที่ 20% จากปัจจุบันที่ประมาณ 6-7% ซึ่งบริษัทเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และบริษัทก็เข้าไปลงทุนในเมืองที่เป็นเมืองด้านการศึกษาและธุรกิจด้วยทำให้มีดีมานด์จำนวนมาก
"บริษัทมีการ Diversify ธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังลงทุนในต่างประเทศ โดยได้เข้าไปลงทุน อพาร์ตเมนตในสหรัฐเป็นรูปแบบ Investment Property ตามที่บริษัทกำหนดรูปแบบลงทุน ซึ่งก็จะมีการพิจารณาต่อเนื่อง เพราะบริษัทไว้วางงบลงทุนในระยะ 3 ปีไว้แล้ว หากโครงการไหนเข้าไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี ก็อาจจะมีการปล่อยโครงการต่อไป ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตสัดส่วนกำไรจากส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุน ภาพรวมตลาดอสังหาที่อาจดูชะลอตัวไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้" นายอรรถพล กล่าว
ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้นช่วงที่ผ่านมาภาพรวมตลาดอาจจะชะลอตัวลงบ้าง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ประสบปัญญาเช่นเดียวกัน แต่โครงการแนวราบยังเติบโตได้ แต่ที่ได้รับผลมากที่สุดจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีซัพพลายล้นตลาดคาดว่าสักระยะตลาดจะกลับเข้าสู่สมดุล แต่เชื่อว่าแม้ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีปัญหาในช่วงสั้นบ้าง แต่ก็ยังมี Real Demand คือกลุ่มคน ที่เป็นคนที่จะเป็นคนอยู่อาศัยโครงการนั้นๆ จริง ทำให้มีโอกาสเห็นยอดขายที่กลับมาเติบโตได้
ครึ่งหลังลุยเปิด 13 โครงการ
สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้ารายได้โต 22% มาอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.56 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 1 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2564 พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายโต 46% มาอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และยังคงเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่รวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.27 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 9 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.62 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังไม่ได้มีการเปิดโครงการใหม่เลย ขณะที่มีสต๊อกพร้อมขายรองรับไว้ที่ 2-3 เดือน
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอ สเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจด้วยการเข้าลงทุนซื้ออพาร์ตเมนต์ในบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าลงทุนราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงคาดว่าจะส่งมอบโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562
ซึ่งการเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นโมเดลที่บริษัทต้องการจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และจะพิจารณาเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งกรอบเงินลงทุน 3 ปี (2562-2564) ไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้ง เป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 15%
ลงทุนอสังหาสหรัฐ
อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าระยะเวลา 3-5 ปี บริษัทจะมีสัดส่วนกำไรจากการเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) จะอยู่ที่ 20% จากปัจจุบันที่ประมาณ 6-7% ซึ่งบริษัทเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และบริษัทก็เข้าไปลงทุนในเมืองที่เป็นเมืองด้านการศึกษาและธุรกิจด้วยทำให้มีดีมานด์จำนวนมาก
"บริษัทมีการ Diversify ธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังลงทุนในต่างประเทศ โดยได้เข้าไปลงทุน อพาร์ตเมนตในสหรัฐเป็นรูปแบบ Investment Property ตามที่บริษัทกำหนดรูปแบบลงทุน ซึ่งก็จะมีการพิจารณาต่อเนื่อง เพราะบริษัทไว้วางงบลงทุนในระยะ 3 ปีไว้แล้ว หากโครงการไหนเข้าไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี ก็อาจจะมีการปล่อยโครงการต่อไป ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตสัดส่วนกำไรจากส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุน ภาพรวมตลาดอสังหาที่อาจดูชะลอตัวไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้" นายอรรถพล กล่าว
ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้นช่วงที่ผ่านมาภาพรวมตลาดอาจจะชะลอตัวลงบ้าง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ประสบปัญญาเช่นเดียวกัน แต่โครงการแนวราบยังเติบโตได้ แต่ที่ได้รับผลมากที่สุดจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีซัพพลายล้นตลาดคาดว่าสักระยะตลาดจะกลับเข้าสู่สมดุล แต่เชื่อว่าแม้ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีปัญหาในช่วงสั้นบ้าง แต่ก็ยังมี Real Demand คือกลุ่มคน ที่เป็นคนที่จะเป็นคนอยู่อาศัยโครงการนั้นๆ จริง ทำให้มีโอกาสเห็นยอดขายที่กลับมาเติบโตได้
ครึ่งหลังลุยเปิด 13 โครงการ
สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้ารายได้โต 22% มาอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.56 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 1 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2564 พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายโต 46% มาอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และยังคงเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่รวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.27 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 9 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.62 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังไม่ได้มีการเปิดโครงการใหม่เลย ขณะที่มีสต๊อกพร้อมขายรองรับไว้ที่ 2-3 เดือน
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ