ยักษ์อสังหาปั้นพอร์ตโรงแรม แห่เข้าตลาดหุ้นรับท่องเที่ยวโต
วันที่ : 19 มิถุนายน 2562
ยักษ์อสังหาฯเดินหน้าปั้นพอร์ตธุรกิจโรงแรมรับอุตฯท่องเที่ยวโลกโต พร้อมดันเข้าตลาดหุ้น "สิงห์ เอสเตท-แอสเสท เวิรด์ คอร์ป" แห่ยื่นไฟลิ่ง หวังระดมทุนขยายงาน- สร้างการเติบโต "วีรันดา รีสอร์ท" ชิงเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้ว ตั้งเป้าขยายโรงแรมครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวหลักได้ภายใน 3-5 ปี ขณะที่ "LHMH-วัน ออริจิ้น-แสนสิริ" เร่งเครื่องโครงการใหม่หวัง ดึงรายได้เสริมแกร่ง
ยักษ์อสังหาฯเดินหน้าปั้นพอร์ตธุรกิจโรงแรมรับอุตฯท่องเที่ยวโลกโต พร้อมดันเข้าตลาดหุ้น "สิงห์ เอสเตท-แอสเสท เวิรด์ คอร์ป" แห่ยื่นไฟลิ่ง หวังระดมทุนขยายงาน- สร้างการเติบโต "วีรันดา รีสอร์ท" ชิงเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้ว ตั้งเป้าขยายโรงแรมครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวหลักได้ภายใน 3-5 ปี ขณะที่ "LHMH-วัน ออริจิ้น-แสนสิริ" เร่งเครื่องโครงการใหม่หวัง ดึงรายได้เสริมแกร่ง
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการธุรกิจโรงแรมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากรายงานขององค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่า ปี 2018 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นจำนวนกว่า 1.4 พันล้านคน ขยายตัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6% โดยภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่ขยายตัวถึง 7% และยังคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอีก ในปี 2019 นี้ และคาดว่าเอเชียน่าจะขยายตัวได้ถึง 5-6%
รายใหญ่เร่งระดมทุนขยายพอร์ต
แหล่งข่าวรายนี้กล่าวด้วยว่า จาก แนวโน้มดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ประกาศเดินหน้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างคึกคัก ทั้งในกลุ่มที่เป็น ผู้ลงทุน (เจ้าของพร็อพเพอร์ตี้) และกลุ่มที่รับบริหารโรงแรม โดยขณะนี้ผู้ลงทุนหลายรายโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ได้เริ่มขยับเข้ามาลงทุนโรงแรมเมื่อ 3-4 ปีก่อน ขณะนี้ไม่ได้มองเพียงแค่ตลาดในประเทศ แต่มองถึงโอกาสการลงทุนในเมือง ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว หลัก ๆ ทั้งในยุโรป, อเมริกา, ดูไบ, ออสเตรเลีย, มัลดีฟส์, จีน, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม ฯลฯ หากสังเกตจะพบว่า ปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ได้แยกพอร์ตธุรกิจโรงแรมออกมาจากธุรกิจอสังหาฯอย่างชัดเจน รวมทั้งมีแผนจะนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อระดมเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
"สิงห์ เอสเตท" ปักธงทั่วโลก
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงแรมภายใต้บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความพร้อมในการขยายการเติบโตอย่างมาก ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 39 แห่ง มีจำนวนห้องพัก 4,640 ห้อง อยู่ในมัลดีฟส์, หมู่เกาะฟิจิ, สหราชอาณาจักร ฯลฯ รวมถึง ประเทศไทย และในระยะยาวมีแผน เพิ่มจำนวนพร็อพเพอร์ตี้อีก 1 เท่าตัว หรือมีจำนวนโรงแรมเปิดไม่ต่ำกว่า 75 แห่ง กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วโลก ภายในปี 2025 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า
"เพื่อให้ เอส โฮเทลฯ ขยายการเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก กลุ่มสิงห์ เอสเตท มีแผนนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้ว" นายนริศกล่าว
"แอสเสท เวิรด์" กวาดตลาดบน
เช่นเดียวกับ นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บริษัทในเครือทีซีซี กรุ๊ป ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก และ มีทรัพยากร วัฒนธรรม และผู้คนที่ พร้อมต่อการท่องเที่ยว และเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว บริษัทมีแผนลงทุนในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง กับนักท่องเที่ยวบริการ (hospitality) จากปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดแล้ว 10 แห่ง รวมกว่า 3,432 ห้อง ทั้งหมดบริหารงานโดยกลุ่มผู้บริหารโรงแรมชั้นนำ อาทิ แมริออท, ฮิลตัน, เชอราตัน, บันยันทรี, อะ ลักซ์ซูรี คอลเลคชั่น โฮเทล, โอกุระ มีเลีย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างกำลังพัฒนาอีก 5 แห่ง 1,528 ห้อง และที่อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายอีก 12 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี และทำให้บริษัท มีจำนวนห้องสะสมกว่า 8,000 ห้อง โดยทั้งหมดจะยังคงโฟกัสกลุ่มเป้าหมายระดับบนเป็นหลัก และตอนนี้ได้ยื่นไฟลิ่ง ต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO ไปเล้ว และเชื่อว่าการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำให้สามารถเติบโตได้เร็วขึ้น
วีรันดา-LHMH รุกเมืองท่องเที่ยว
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาฯที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมและเพิ่งเข้าระดมทุน ในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า ทิศทาง การลงทุนของบริษัทจะมุ่งไปที่ธุรกิจที่ เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และเบเกอรี่ ฯลฯ โดยจะเน้นการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ของไทย อาทิ ภูเก็ต, กระบี่ ฯลฯ ให้ครอบคลุมภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในเชียงใหม่, พัทยา, หัวหิน, สมุย และกรุงเทพฯ
"ลงทุนของเราจะเน้นลงทุนบนที่ดินขนาดใหญ่ มีโรงแรมและเรสซิเดนซ์ ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อนำสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมมาให้บริการผู้พักอาศัยในเรสซิเดนซ์ เป็นการเพิ่มมูลค่าโครงการอีกรูปแบบหนึ่ง" นายวีรวัฒน์กล่าว
ขณะที่ นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรม ในนาม LHMH ในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และผู้บริหารโรงแรมแบรนด์ แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมยังมีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี และบริษัทยังมีแผนการลงทุนโรงแรมและศูนย์การค้าต่อเนื่อง รวมงบฯลงทุนราว 1.8 หมื่นล้านบาท ในปี 2562-2564 จากที่ผ่านมากลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เปิดโรงแรมไปแล้ว 5 แห่ง รวมห้องพักกว่า 2,100 ห้อง เริ่มจากศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พระราม 3 และแผนการเปิดโรงแรมปีละ 1 แห่งทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว และอาคารสำนักงานให้เช่า รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา เป็นต้น และมีเป้าหมายจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
แสนสิริลงทุนผ่านสแตนดาร์ดฯ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธาน ผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันแสนสิริ มีโรงแรม 6 แห่ง ซึ่งบริหารในรูปแบบโอเปอเรชั่น คอมปะนี คล้ายกับเชนโรงแรม แต่เนื่องจากพอร์ตรายได้ยัง เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้การขายและโอนที่อยู่อาศัย บริษัทมอง ธุรกิจโรงแรมในเครือเป็น soft asset แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสถ้าหากในอนาคตจะมองเรื่องการนำโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนถือหุ้นในบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด (The Standard) บูทีค โฮเทล และแอปพลิเคชั่น วันไนท์ (One Night) แอปจองโรงแรมบูทีคโฮเทลอิสระ
"เดอะ สแตนดาร์ดมีโรงแรม 6 แห่ง มีห้องพักรวมกว่า 1,200 ห้อง และตั้งเป้าขยายสาขาโรงแรมทั่วโลกเพิ่ม เป็น 20 สาขาภายใน 5 ปี เน้นพื้นที่ใจกลางเมืองและเมืองตากอากาศ ชั้นนำของโลก มี 2 สาขาที่ประเทศไทย ในภูเก็ต จากการเทกโอเวอร์โรงแรมเก่าย่าน Banana Beach ใกล้อุทยานแห่งชาติลายันมารีโนเวตใหม่ และหัวหิน"
"วัน ออริจิ้น" ชูโมเดลมิกซ์ยูส
ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ออริจิ้นเปิดบริการโรงแรมแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก, ฮอลิเดย์ อินน์ สวีท ศรีราชา, วัน พญาไท, สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา และวัน 24 และมีแผนเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ภายในปี 2562 นี้ โดยแผนระยะยาว ภายในปี 2566 ตั้งเป้ามีโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีโรงแรมอยู่ด้วย เป้าหมายมีห้องพักรวม 2,300 ห้อง และเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่แบ่งเป็นโรงแรม ไฮเอนด์ในโปรเจ็กต์ ONE 59 ทองหล่อเอกมัย บนที่ดินเช่าระยะยาว คาดว่า แล้วเสร็จภายในปี 2564 กับโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสครบวงจร มูลค่าลงทุนราว 2,000 ล้านบาท ในจังหวัดระยอง คาดว่าแล้วเสร็จปี 2565 รองรับลูกค้าในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และสมาร์ทปาร์ก (Smart Park) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการธุรกิจโรงแรมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากรายงานขององค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่า ปี 2018 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นจำนวนกว่า 1.4 พันล้านคน ขยายตัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6% โดยภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่ขยายตัวถึง 7% และยังคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอีก ในปี 2019 นี้ และคาดว่าเอเชียน่าจะขยายตัวได้ถึง 5-6%
รายใหญ่เร่งระดมทุนขยายพอร์ต
แหล่งข่าวรายนี้กล่าวด้วยว่า จาก แนวโน้มดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ประกาศเดินหน้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างคึกคัก ทั้งในกลุ่มที่เป็น ผู้ลงทุน (เจ้าของพร็อพเพอร์ตี้) และกลุ่มที่รับบริหารโรงแรม โดยขณะนี้ผู้ลงทุนหลายรายโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ได้เริ่มขยับเข้ามาลงทุนโรงแรมเมื่อ 3-4 ปีก่อน ขณะนี้ไม่ได้มองเพียงแค่ตลาดในประเทศ แต่มองถึงโอกาสการลงทุนในเมือง ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว หลัก ๆ ทั้งในยุโรป, อเมริกา, ดูไบ, ออสเตรเลีย, มัลดีฟส์, จีน, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม ฯลฯ หากสังเกตจะพบว่า ปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ได้แยกพอร์ตธุรกิจโรงแรมออกมาจากธุรกิจอสังหาฯอย่างชัดเจน รวมทั้งมีแผนจะนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อระดมเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
"สิงห์ เอสเตท" ปักธงทั่วโลก
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงแรมภายใต้บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความพร้อมในการขยายการเติบโตอย่างมาก ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 39 แห่ง มีจำนวนห้องพัก 4,640 ห้อง อยู่ในมัลดีฟส์, หมู่เกาะฟิจิ, สหราชอาณาจักร ฯลฯ รวมถึง ประเทศไทย และในระยะยาวมีแผน เพิ่มจำนวนพร็อพเพอร์ตี้อีก 1 เท่าตัว หรือมีจำนวนโรงแรมเปิดไม่ต่ำกว่า 75 แห่ง กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วโลก ภายในปี 2025 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า
"เพื่อให้ เอส โฮเทลฯ ขยายการเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก กลุ่มสิงห์ เอสเตท มีแผนนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้ว" นายนริศกล่าว
"แอสเสท เวิรด์" กวาดตลาดบน
เช่นเดียวกับ นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บริษัทในเครือทีซีซี กรุ๊ป ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก และ มีทรัพยากร วัฒนธรรม และผู้คนที่ พร้อมต่อการท่องเที่ยว และเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว บริษัทมีแผนลงทุนในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง กับนักท่องเที่ยวบริการ (hospitality) จากปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดแล้ว 10 แห่ง รวมกว่า 3,432 ห้อง ทั้งหมดบริหารงานโดยกลุ่มผู้บริหารโรงแรมชั้นนำ อาทิ แมริออท, ฮิลตัน, เชอราตัน, บันยันทรี, อะ ลักซ์ซูรี คอลเลคชั่น โฮเทล, โอกุระ มีเลีย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างกำลังพัฒนาอีก 5 แห่ง 1,528 ห้อง และที่อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายอีก 12 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี และทำให้บริษัท มีจำนวนห้องสะสมกว่า 8,000 ห้อง โดยทั้งหมดจะยังคงโฟกัสกลุ่มเป้าหมายระดับบนเป็นหลัก และตอนนี้ได้ยื่นไฟลิ่ง ต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO ไปเล้ว และเชื่อว่าการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำให้สามารถเติบโตได้เร็วขึ้น
วีรันดา-LHMH รุกเมืองท่องเที่ยว
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาฯที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมและเพิ่งเข้าระดมทุน ในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า ทิศทาง การลงทุนของบริษัทจะมุ่งไปที่ธุรกิจที่ เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และเบเกอรี่ ฯลฯ โดยจะเน้นการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ของไทย อาทิ ภูเก็ต, กระบี่ ฯลฯ ให้ครอบคลุมภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในเชียงใหม่, พัทยา, หัวหิน, สมุย และกรุงเทพฯ
"ลงทุนของเราจะเน้นลงทุนบนที่ดินขนาดใหญ่ มีโรงแรมและเรสซิเดนซ์ ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อนำสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมมาให้บริการผู้พักอาศัยในเรสซิเดนซ์ เป็นการเพิ่มมูลค่าโครงการอีกรูปแบบหนึ่ง" นายวีรวัฒน์กล่าว
ขณะที่ นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรม ในนาม LHMH ในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และผู้บริหารโรงแรมแบรนด์ แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมยังมีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี และบริษัทยังมีแผนการลงทุนโรงแรมและศูนย์การค้าต่อเนื่อง รวมงบฯลงทุนราว 1.8 หมื่นล้านบาท ในปี 2562-2564 จากที่ผ่านมากลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เปิดโรงแรมไปแล้ว 5 แห่ง รวมห้องพักกว่า 2,100 ห้อง เริ่มจากศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พระราม 3 และแผนการเปิดโรงแรมปีละ 1 แห่งทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว และอาคารสำนักงานให้เช่า รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา เป็นต้น และมีเป้าหมายจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
แสนสิริลงทุนผ่านสแตนดาร์ดฯ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธาน ผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันแสนสิริ มีโรงแรม 6 แห่ง ซึ่งบริหารในรูปแบบโอเปอเรชั่น คอมปะนี คล้ายกับเชนโรงแรม แต่เนื่องจากพอร์ตรายได้ยัง เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้การขายและโอนที่อยู่อาศัย บริษัทมอง ธุรกิจโรงแรมในเครือเป็น soft asset แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสถ้าหากในอนาคตจะมองเรื่องการนำโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนถือหุ้นในบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด (The Standard) บูทีค โฮเทล และแอปพลิเคชั่น วันไนท์ (One Night) แอปจองโรงแรมบูทีคโฮเทลอิสระ
"เดอะ สแตนดาร์ดมีโรงแรม 6 แห่ง มีห้องพักรวมกว่า 1,200 ห้อง และตั้งเป้าขยายสาขาโรงแรมทั่วโลกเพิ่ม เป็น 20 สาขาภายใน 5 ปี เน้นพื้นที่ใจกลางเมืองและเมืองตากอากาศ ชั้นนำของโลก มี 2 สาขาที่ประเทศไทย ในภูเก็ต จากการเทกโอเวอร์โรงแรมเก่าย่าน Banana Beach ใกล้อุทยานแห่งชาติลายันมารีโนเวตใหม่ และหัวหิน"
"วัน ออริจิ้น" ชูโมเดลมิกซ์ยูส
ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ออริจิ้นเปิดบริการโรงแรมแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก, ฮอลิเดย์ อินน์ สวีท ศรีราชา, วัน พญาไท, สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา และวัน 24 และมีแผนเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ภายในปี 2562 นี้ โดยแผนระยะยาว ภายในปี 2566 ตั้งเป้ามีโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีโรงแรมอยู่ด้วย เป้าหมายมีห้องพักรวม 2,300 ห้อง และเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่แบ่งเป็นโรงแรม ไฮเอนด์ในโปรเจ็กต์ ONE 59 ทองหล่อเอกมัย บนที่ดินเช่าระยะยาว คาดว่า แล้วเสร็จภายในปี 2564 กับโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสครบวงจร มูลค่าลงทุนราว 2,000 ล้านบาท ในจังหวัดระยอง คาดว่าแล้วเสร็จปี 2565 รองรับลูกค้าในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และสมาร์ทปาร์ก (Smart Park) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ