สุพัฒนพงษ์ ดันอู่ตะเภาฯ ร่วมขับเคลื่อนศก. OR-BAFSผุดGAAทุ่ม2.3พันล.บริการน้ำมัน
วันที่ : 20 สิงหาคม 2564
โครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซีเวลานี้ได้คืบหน้าไปแล้วพอสมควรทั้งรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบินภาคตะวันออก
"สุพัฒนพงษ์" ปลื้มโปรเจกต์สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินกรุงเทพคืบหน้าอีกระดับ หวังเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนศก.ไทยหลังโควิด-19 คลี่คลาย "สกพอ." ลุยลงนาม GAA เช่าที่ราชพัสดุ 19 ไร่เดินหน้าบริการ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานปอน ORBAFS ตั้ง บ.GAA ทุ่ม 2,300 ล้านบาทระยะแรกเพื่อพัฒนาเริ่มก่อสร้างสิ้นปีรับเปิดบริการสนามบินในปี'68
วานนี้ (19 ส.ค.) กระทรวงการคลังโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ลงนามกับ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซ ซิเอทส์ จำกัด (GAA) กิจการร่วมค้าของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ลงนามเช่าที่ราชพัสดุจำนวน 19 ไร่ เพื่อประกอบกิจการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานให้กับโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินกรุงเทพ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีลงนามลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุผ่านระบบประชุมทางไกลดังกล่าว ว่า โครงการพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าซึ่งแม้ว่าทั่วโลกและไทยจะประสบกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนกระทบ ต่อโครงการไปบ้างโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับการบินแต่เชื่อว่าในระยะอีกไม่นานเนื่องจากได้มีการเร่งควบคุมการระบาดและมีวัคซีนในการเข้ามาดูแลป้องกัน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ ก็จะทำให้ธุรกิจการบิน จะกลับมาได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการท่องเที่ยวซึ่งรัฐบาลพยายามนำร่องในบางพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้านหลังการควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดีขึ้น
"โครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซีเวลานี้ได้คืบหน้าไปแล้วพอสมควรทั้งรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบินภาคตะวันออก และต้องขับเคลื่อนให้สภาพแวดล้อมต่างๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องให้สำเร็จเพื่อประโยชน์การพัฒนาประเทศระยะยาวที่จะเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรม เดิมๆ ไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่จะเป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต" นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า การพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ สกพอ. ร่วมมือกับกองทัพเรือเพื่อ ผลักดันให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาบนพื้นที่ 6,500 ไร่ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ จึงได้คัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมพัฒนา ระบบสาธารณูปโภคในส่วนของงานบริการ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยเลือกให้ บ."กิจการร่วมค้าบาฟส์และโออาร์" เป็นผู้ดำเนินงานเนื่องจากมีศักยภาพในระดับสากล
"การดึงเอกชนเข้าร่วมพัฒนา ครั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพราะแหล่งเงินทุนของรัฐมีจำกัด โดยขณะนี้การทำงานมีความท้าทายจากผลกระทบโควิดทำให้ไทยต้องการเพิ่มการลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว โครงการเมืองการบินฯจึงเป็นหนึ่งโครงการสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะยาวโดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค" นายคณิศ กล่าว
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท BAFS กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท GAA ร่วมกับ OR ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล การร่วมมือกับ BAFS ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้า GAA ถือเป็น การเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการเติมน้ำมัน อากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด (GAA) กล่าวว่า GAA จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ด้วยมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย BAFS ถือหุ้น 55% และ OR ถือหุ้น 45% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยจะเริ่มก่อสร้างได้ภาย ในปลายปีนี้เพื่อ ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปีและสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของ EEC ตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
วานนี้ (19 ส.ค.) กระทรวงการคลังโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ลงนามกับ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซ ซิเอทส์ จำกัด (GAA) กิจการร่วมค้าของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ลงนามเช่าที่ราชพัสดุจำนวน 19 ไร่ เพื่อประกอบกิจการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานให้กับโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินกรุงเทพ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีลงนามลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุผ่านระบบประชุมทางไกลดังกล่าว ว่า โครงการพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าซึ่งแม้ว่าทั่วโลกและไทยจะประสบกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนกระทบ ต่อโครงการไปบ้างโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับการบินแต่เชื่อว่าในระยะอีกไม่นานเนื่องจากได้มีการเร่งควบคุมการระบาดและมีวัคซีนในการเข้ามาดูแลป้องกัน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ ก็จะทำให้ธุรกิจการบิน จะกลับมาได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการท่องเที่ยวซึ่งรัฐบาลพยายามนำร่องในบางพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้านหลังการควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดีขึ้น
"โครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซีเวลานี้ได้คืบหน้าไปแล้วพอสมควรทั้งรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบินภาคตะวันออก และต้องขับเคลื่อนให้สภาพแวดล้อมต่างๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องให้สำเร็จเพื่อประโยชน์การพัฒนาประเทศระยะยาวที่จะเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรม เดิมๆ ไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่จะเป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต" นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า การพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ สกพอ. ร่วมมือกับกองทัพเรือเพื่อ ผลักดันให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาบนพื้นที่ 6,500 ไร่ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ จึงได้คัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมพัฒนา ระบบสาธารณูปโภคในส่วนของงานบริการ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยเลือกให้ บ."กิจการร่วมค้าบาฟส์และโออาร์" เป็นผู้ดำเนินงานเนื่องจากมีศักยภาพในระดับสากล
"การดึงเอกชนเข้าร่วมพัฒนา ครั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพราะแหล่งเงินทุนของรัฐมีจำกัด โดยขณะนี้การทำงานมีความท้าทายจากผลกระทบโควิดทำให้ไทยต้องการเพิ่มการลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว โครงการเมืองการบินฯจึงเป็นหนึ่งโครงการสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะยาวโดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค" นายคณิศ กล่าว
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท BAFS กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท GAA ร่วมกับ OR ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล การร่วมมือกับ BAFS ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้า GAA ถือเป็น การเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการเติมน้ำมัน อากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด (GAA) กล่าวว่า GAA จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ด้วยมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย BAFS ถือหุ้น 55% และ OR ถือหุ้น 45% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยจะเริ่มก่อสร้างได้ภาย ในปลายปีนี้เพื่อ ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปีและสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของ EEC ตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ