MOTIF โหมกลยุทธ์ผ่านโซเชียลยอดโต 30% เพิ่มแบรนด์ครึ่งปีหลัง
Loading

MOTIF โหมกลยุทธ์ผ่านโซเชียลยอดโต 30% เพิ่มแบรนด์ครึ่งปีหลัง

วันที่ : 8 กรกฎาคม 2564
MOTIF เผย Q1-Q2  ผลกำไรของปีนี้ได้กำไรดีเกินคาด เน้นขายผ่าน Omni-Channel และเน้นช่องทางโซเชียลมีเดีย
          นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ กรรมการผู้จัดการ แบรนด์  MOTIF  เปิดเผยว่าถึง ไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2564 ผลกำไรเติบโตขึ้น โดยยอดขายทะลุเป้า และเติบโตขึ้น 30% จากปีที่แล้ว เป็นผลงานจากการวางกลยุทธ์การขายรอบด้าน ทั้งการโฟกัสออนไลน์ แต่ไม่ลืมสร้างความหลากหลายไม่มีเบื่อให้กับประสบการณ์หน้าร้านออฟไลน์ รวมถึงการคัดเลือกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าเสมอ พร้อมตั้งเป้าดันยอดครึ่งปีหลัง 2564 เติบโตต่อเนื่อง

          การเติบโตของ MOTIF มีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ภาพรวมโตขึ้น 10-15% เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเป็นปีที่เริ่มมีสถานการณ์โควิด-19 เลยทำให้เหมือนเวลาหายไป 2 เดือน แต่ก็ถือว่ายังโตอยู่ในโหมดที่เราโอเค"

          ในปี 2564 ยังตั้งเป้าเติบโต 30% แต่ Q1-Q2  ผลกำไรของปีนี้ได้กำไรดีเกินคาด ยอดขายทะลุเป้ามากที่สุดตั้งแต่เปิดแบรนด์มาเป็น 6 เดือนที่ยอดขายเราดีมากที่สุดความสำเร็จเกิดขึ้นจากแบรนด์ของเรามีการพัฒนาเรื่อยๆ หลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องจากการจัดการระยะเวลาสั่งสินค้า เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระยะเวลาของกระบวนการผลิตจึงนานกว่าเดิม แต่เราสามารถจัดการมันได้ดีมาก

          นายอัครรัฐ อธิบายต่อว่า ความสำเร็จ ครึ่งปีแรกของ MOTIF เกิดจากหลายปัจจัย เรื่องแรก Stock Management เริ่มจากการสต๊อกของที่ลูกค้าต้องการในจำนวนที่เหมาะสม อย่างในช่วงโควิด-19 แม้ว่าระยะเวลาการผลิตสินค้าจะนานขึ้นจาก 3 เดือน เป็น 6-8 เดือน เพราะสินค้าประเภทลักชัวรีมีกระบวนการในการผลิต แต่ทางแบรนด์สำรวจความต้องการลูกค้าอยู่ตลอด

          นอกจากนี้ ช่วงโรคระบาดทำให้ทาง MOTIF มองหาโอกาสใหม่ผ่านสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และตอบโจทย์กระแสการ Work from Home โดยเฉพาะ ทั้งสินค้า "Fashion for Home" ไม่ว่าจะ Paul Smith for Anglepoise Lamp, Fendi Casa, Versace Home และ Missoni Home ซึ่งเป็นสินค้าแนว home accessory ที่ทำรายได้ได้สูงให้กับ MOTIF ในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้จะยังโฟกัส home accessory ที่เป็นของตกแต่งชิ้นเล็กและเฟอร์นิเจอร์มากยิ่งขึ้น

          รวมไปถึง 'Dutch Design' ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 64 เฟอร์นิเจอร์สไตล์เนเธอร์แลนด์เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตที่บ้านเป็นหลัก และ "Rug Collections" พรมไฮเอนด์จากอิตาลี"5 ปีที่ผ่านมา "Dutch Design" เป็นงานดีไซน์ที่โตมาก เราก็เลยเปิดตลาดกับเขาด้วย 5 แบรนด์ดังฉบับ Ducth Design ซึ่งเราได้ติดต่อไว้ในช่วงโควิด-19 ปีที่แล้ว โดยหลังจากที่เราเปิดตัวไปในเดือนมีนาคมปีนี้ การตอบรับจากลูกค้าดีมาก" นายอัครรัฐ กล่าว

          ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์โฮมออฟฟิศก็ยังมีการขยายไลน์คอลเลกชันให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ WFH ยังคงมาแรงมากในปี 2021 นี้และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า

          กลยุทธ์การขายช่วงโควิด-19 เน้นขายผ่าน Omni-Channel และเน้นที่ช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Line@ และ Instagram โดยครึ่งหลังของปี 2564 ก็ยังจะโฟกัสที่ช่องทางนี้อยู่ และมีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มาเสริมทัพ

          ยอดขาย Omni เราเติบโตดี โดยเฉพาะช่องทาง Instagram และ Line@ และเราก็ยังมีการบริการ "First Class Service" ที่ต่อยอดจากรูปแบบ Omni-Channel คือการนำของไปให้ลูกค้าดูที่บ้าน อยากดูอะไร ยกไปให้ดูที่บ้านได้เลย"

          สำหรับสินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในปีนี้ คือ "home accessory" ซึ่งโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด โดยครึ่งปีแรกของปี'64 ขายสินค้าประเภทนี้ ไปแล้วกว่า 70% ของสต๊อกสินค้าทั้งหมด จึงเปิดตัวสินค้านี้ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

          นอกเหนือจากแบรนด์ "Fashion for Home" อาทิ Paul Smith for Anglepoise, Missoni Home, Versace Home ที่ MOTIF ได้นำเข้ามาวางขายเปิดตลาดไปแล้วในช่วง Q3 -Q4 ของปี 64 นี้ จะมีการนำเข้าแบรนด์ที่เป็น "Fashion for Home" ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

          ปีนี้ MOTIF ยังต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์การรับรู้ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย Window Display หน้าร้านมีการเปลี่ยนธีมอยู่เรื่อยๆ พร้อมจัดหมวดหมู่สินค้าให้เลือกง่ายขึ้นและจะมีการนำขบวนสินค้าไปเปิดเป็น Pop-Up Store ทั้งในส่วนของพื้นที่ของห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซีเอง และห้างลักชัวรีชั้นนำอื่นๆ เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้มากขึ้น.