นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า มาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง 30 วัน จะไม่ได้รับผลกระทบต่อภาพรวมในปี 2564 เนื่องจากบริษัทได้เตรียมทำแผน catch up งานก่อสร้าง หลังกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงมั่นใจในผลการดำเนินงานจะทำได้ตามเป้าหมาย จากการที่บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 แล้ว 14,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่วางไว้ทั้งปี 2564 ที่ตั้งไว้ 31,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอน (Backlog) ที่ Secure เป้ารายได้ในปี 2564 ไปแล้วถึง 78% ซึ่งเหลือที่ต้องทำอีกเพียง 22% ในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมาย

          ทั้งนี้ จากการที่รัฐบาลประกาศมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด–19 ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นนั้น บริษัทพร้อมปฏิบัติตามมาตรการรัฐ โดยให้ความร่วมมือปิดแคมป์งานก่อสร้าง 30 วัน รวมทั้งออกแนวทางส่งเสริมด้านความปลอดภัยในแคมป์ก่อสร้างอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยผลักดันการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด–19 ให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อ

          โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทมีการวางแผนการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (Speed to Market) รองรับทุกสถานการณ์ไว้แล้ว ซึ่งล่าสุด SIRI มีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่-พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ รองรับความต้องการลูกค้าได้ทันทีมูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม เช่น โครงการ คอนโดมิเนียมโครงการ XT ห้วยขวาง, โครงการ โอกะ เฮาส์, โครงการ เดอะ เบส เซ็นทรัล–ภูเก็ต และโครงการ ลา ฮาบานา หัวหิน

          ขณะที่บริษัทยังเตรียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมโครงการ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์–รังสิต และโครงการ เอดจ์ เซ็นทรัล-พัทยา ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 รวมถึงยังมีบ้านเดี่ยวแบรนด์คณาสิริ, สราญสิริ, บุราสิริ, เศรษฐสิริ และอณาสิริ รวมถึงโครงการทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส หลากหลายระดับราคา ตอบรับความต้องการในทุกเซกเมนต์ให้เลือกกว่า 57 โครงการ

          นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดแข็งจากการมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยระบบพรีคาสต์อยู่ในมือ ด้วยกำลังการผลิต 1.2 ล้านตารางเมตร รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ถึง 3,500 ยูนิตต่อปี ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในโรงงานแห่งใหม่ ทำให้ลดแรงงานในงานก่อสร้าง แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ลดระยะเวลาในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย เช่น งานโครงสร้างได้แล้วเสร็จในระยะเวลาเพียง 3-7 วัน

          โดยการก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสต์ ยังทำให้เกิดการผลิต หรืองานก่อสร้างที่มี Volume สูง ช่วยส่งเสริม Supply Chain ในอุตสาหกรรมก่อสร้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทมีพร้อมในการพัฒนาที่อยู่อาศัยด้วยเทคโนโลยี และกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ที่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินในการดำเนินธุรกิจได้อย่างดี