รัฐปิดแคมป์คนงาน1เดือน อสังหาฯรายได้วูบ 4 หมื่นล.
Loading

รัฐปิดแคมป์คนงาน1เดือน อสังหาฯรายได้วูบ 4 หมื่นล.

วันที่ : 29 มิถุนายน 2564
อ่วม ! ปิดแคมป์คนงาน 1 เดือนกระทบหนักธุรกิจอสังหาฯ - โบรกฯ แนะซื้อ LH-AP-SPALI
          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ในเครือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า กรณีสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก คาดว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมน่าจะหายไปประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาทต่อเดือน

          โดยในส่วนของ PSH ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่สามารถส่งมอบโครงการได้ตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาจะเกิดความเสียหายอย่างมาก เช่น การจ่ายค่าปรับ หรืออาจจะมีการยกเลิกสัญญาในที่สุด สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่มีกำหนดสร้างเสร็จในปี 2564 มีจำนวน 7 โครงการ แต่มี 2 โครงการที่น่ากังวล เนื่องจากมีกำหนดสร้างเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งหากปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 1 เดือน จะส่งผลให้งานก่อสร้างล่าช้าออกไป

          สำหรับ 2 โครงการที่กังวล มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ พลัม คอนโด สุขุมวิท 97 และ 2.โครงการเดอะ ทรี พัฒนาการ ซึ่งหากงานก่อสร้างล่าช้ากว่าแผน จะต้องลุ้นว่าจะสามารถส่งมอบโครงการได้ทันภายในปี 2564 หรือไม่ ส่วนโครงการแนวราบมียอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสามารถเร่งงานก่อสร้างได้หลังจากมีการเปิดให้ปฏิบัติงานตามปกติ

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2564 ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10,000 ล้านบาท และเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการแนวราบประมาณ 22,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท และยังคงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ไว้ที่ 29 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 26,600 ล้านบาท

          SENA โอดปิดแคมป์คนงาน ปิดสายพานผลิตอสังหาฯ

          นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า การปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง หมายถึงการหยุดผลิต สายพานการผลิตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกตัดทิ้ง จากการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการ รวมถึงระบบเศรษฐกิจ

          โดยผลกระทบที่จะเกิดต่อผู้ประกอบการ ประกอบด้วย 1.ไม่มีสินค้าในการขาย เพราะถูกตัดสายพานการผลิต ส่งผลให้ไม่มีรายได้ 2.โครงการที่จะสร้างรายได้ในอนาคต จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะที่หยุดการก่อสร้างโครงการแต่ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรยังคงมีอย่างต่อเนื่อง 3.โครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวต้องเลื่อนแผนเปิดช้าลง เนื่องจากการหยุดก่อสร้างในส่วนที่จะเปิดตัว และ 4.โครงการใหม่ ๆที่จะเร่งก่อสร้างเพื่อหนีฤดูฝน เช่น ส่วนงานถมดิน ก็ไม่สามารถทำได้

          ทั้งนี้ บริษัทจะมีการพิจารณาทบทวนปรับเป้าหมายในปี 2564 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ขณะที่วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 11,000 ล้านบาท และมีแผนการเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 16,764 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างกว่า 40 โครงการ

          อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางกลยุทธ์ระยะสั้น ด้วยการใช้หลักคิด “CAP” ในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดย C ย่อมาจาก Cope คือ การแก้ปัญหาในระยะสั้นที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุดก่อน เช่น การส่งอาหารให้กับคนงานที่ไม่สามารถออกไปใหนได้, A ย่อมาจาก Adjusting คือการปรับตัว ปรับวิธีการทำงานไม่ยึดติดวิถีเดิมๆ เช่น การนำสินค้าที่มีอยู่ออกมาขายก่อน และ P ย่อมาจาก Processing คือ การดำเนินการระยะไกลคิดเผื่อเพื่ออนาคต หลังวิกฤตบริษัทจะเดินหน้าไปอย่างไร เช่น การดูแลผู้รับเหมา อย่างไรก็ตามเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการทั้งหมด

          “อดีตที่ผ่านมา รัฐบาลยอมรับแล้วว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตลาดที่ใหญ่และมีสายป่านที่ยาว เห็นได้จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาจะกระตุ้นผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ แต่มาวันนี้รัฐบาลได้ตัดสายพานการผลิตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทิ้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจด้วยแน่นอน” นางสาวเกษรา กล่าว

          SPALI ลั่นปิดแคมป์ฯ ฉุด เปิดโครงการใหม่ล่าช้า

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า กรณีสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 ซึ่งทุกโครงการจะถูกเลื่อนออกไป 1 เดือน เนื่องจากงานก่อสร้างเพื่อเปิดตัวใหม่ อย่างห้องตัวอย่างในโครงการ (Sale Gallery) จะถูกเลื่อนออกไป

          ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2564 (ปีนี้) ไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 3 โครงการที่จะส่งมอบในปีนี้ ปัจจุบันทุกโครงการมีการก่อสร้างและเก็บงานแล้วเสร็จไปเกือบ 100% ได้แก่ 1.โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร มูลค่าโครงการ 2,990 ล้านบาท 2.โครงการ ศุภาลัย ริว่า แกรนด์ มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท และ 3.โครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการ มีกำหนดสร้างเสร็จในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 แต่การปิดแคมป์คนงานอาจจะกระทบกับการเก็บงานหลังโอนกรรมสิทธิ์ เช่น งานแก้ไข งานซ่อมแซมต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีความกังวลในส่วนนี้มากกว่า เพราะไม่สามารถตอบได้ว่าคนงานจะสามารถเข้าไปปฏิบัติงานในส่วนนี้ได้หรือไม่

          “มาตรการหลังจากนี้จะต้องมีการเยียวยาคนงาน ด้วยการรักษาให้คนงานอยู่ในแคมป์ต่อ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานต่อหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย”

          ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมในปี 2564 ไว้ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 20,969 ล้านบาท และยังคงเป้ายอดขาย (Presale) ไว้ 27,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาที่ยอดขาย 24,376 ล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 34,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการพิจารณาทบทวนเป้าหมายอีกครั้งหลังจากที่เห็นผลกระทบอย่างชัดเจน

          AP ยันยอดโอนกระทบ

          นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยังพอที่จะบริหารจัดการกรณีปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และการหยุดก่อสร้างให้มีผลกระทบน้อยที่สุดได้ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมของ AP ไม่กระทบมากนัก โดยเฉพาะกระบวนการตรวจห้องและรับโอนของลูกค้าในเฟสแรก ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่มีการก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว อาจเหลือการเก็บงานเล็ก ๆ น้อย ๆ

          ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง บริษัทมองว่าจะสามารถบริหารการจัดการระยะเวลาและเร่งรัดงานก่อสร้างได้ หากมาตรการนี้จบลงภายในหนึ่งเดือน ขณะที่โครงการแนวราบ บริษัทได้มีการบริหารจัดการการก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่ให้ครอบคลุมระยะการขาย 2-3 เดือนอยู่แล้ว ในส่วนนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

          ดังนั้น บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยยังคงเป้าหมายยอดขายปี 2564 ไว้ที่ 35,500 ล้านบาท และยังคงเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ไว้ที่ 43,100 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,300 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ 2.โครงการ LIFE อโศก ไฮป์

          โบรกฯ แนะซื้อ LH-AP-SPALI

          นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลกระทบเต็ม ๆ กับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากหากไม่มีคนงานในการก่อสร้าง การส่งมอบโครงการจะถูกเลื่อนออกไป ซึ่งจะทำให้การรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการต้องเลื่อนออกไปด้วย รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและทำให้กำลังซื้อชะลอตัว

          อย่างไรก็ตาม คำแนะนำในการลงทุนช่วงนี้ เน้นการลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กำหนดราคาพื้นฐานอยู่ที่ 9.65 บาท, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP กำหนดราคาพื้นฐานอยู่ที่ 9.90 บาท และบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กำหนดราคาพื้นฐานอยู่ที่ 25.50 บาท เพราะมองว่ายังมีพื้นฐานธุรกิจที่ดี มีความมั่นคง และมีสินค้าพร้อมขาย (สต๊อก) ในมือที่พร้อมรองรับการดีดตัวกลับมาในระยะต่อไปได้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ