แอลพีเอ็นวิสดอมชี้อสังหาฯส่อ ติดลบ วิกฤติ โควิด กระทบเปิดโครงการใหม่
Loading

แอลพีเอ็นวิสดอมชี้อสังหาฯส่อ ติดลบ วิกฤติ โควิด กระทบเปิดโครงการใหม่

วันที่ : 29 เมษายน 2564
LPN ชี้ โควิดทุบอสังหาฯร่วง คาดติดลบ 5-6%
          การบริหารจัดการ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ขณะนี้เป็นตัวแปรสำคัญของการขับเคลื่อน แผนธุรกิจและเป้าหมายการเติบโต! จากความหวัง ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายก่อนหน้านี้กลับมาปะทุหนักในเดือนเม.ย.  กระทบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

          ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom : LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  บริษัทปรับประมาณการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ปี 2564 อยู่ที่ 5-6% ถึง "ติดลบ 5%" จากเดิมคาดว่าธุรกิจอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มเติบโตได้ถึง 10% เทียบปี 2563 ขึ้นอยู่กับความ สามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด!

          โดยมอง 3 กรณี อิงการเติบโตของ เศรษฐกิจไทยปี 2564 ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กรณีฐาน (Base Case)หากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 1 เดือน สามารถ เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยได้ตามแผนเดือน ก.ค. ซึ่งคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน ในปี 2564 และกระจายวัคซีนได้ตามแผน ที่วางไว้ ตามการคาดการณ์ ธปท. เศรษฐกิจไทย ปีนี้จะยังคงเติบโตที่ 3%

          แอลพีเอ็น วิสดอม คาดตลาดอสังหาฯ เติบโตได้ 5-6% มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 75,000-76,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 292,000-298,000 ล้านบาท เทียบเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2563 จำนวน 70,126หน่วย มูลค่า 276,630 ล้านบาท

          หากเป็น กรณีเลวร้าย (Worse Case) ควบคุมการแพร่ระบาดได้ไตรมาสสองของ ปี 2564 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่ฟื้นตัวในปีนี้  ธปท.ประเมินกรณีเลวร้ายว่า เศรษฐกิจจะ "ติดลบ 0.5%" กระทบโดยตรงกับความมั่นใจของผู้บริโภคต่อรายได้ในอนาคต การว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และกระทบ การตัดสินใจซื้ออสังหาฯ

          ประเมินว่าอสังหาฯ ปีนี้ "ทรงตัว" ใกล้เคียงปี 2563 โดยมียอดเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70,000-71,000 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 270,000-280,000 ล้านบาท

          ส่วน กรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้!นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้ากว่ากรณี ฐานค่อนข้างมาก การแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์รุนแรงจนวัคซีนด้อยประสิทธิภาพลงจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ต้องมีการพัฒนาวัคซีนใหม่ กำลังซื้อในประเทศลดลง ว่างงานเพิ่มขึ้น กรณีนี้ ธปท. คาดเศรษฐกิจไทยปี 2464 จะติดลบ 1.7-2%

          แน่นอนว่าทำให้ตลาดอสังหาฯ "ติดลบ 5-6%" และติดลบต่อเนื่องปีที่ 2 โดยการเปิดตัว โครงการใหม่ติดลบ 37% เทียบปี 2562 คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้ 65,000-66,000 หน่วย มูลค่า 260,000-265,000 ล้านบาท ทั้งนี้ "กรณีเลวร้ายที่สุดเป็นกรณีที่เราไม่คิดว่าจะเกิด" แต่ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ที่มีสัญญาณว่า "วัคซีน" ที่ผลิตออกมาอาจไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในหลายประเทศ ทำให้โอกาสฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวหนึ่งในกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มไม่เป็นไปตามแผน ส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศลดลง การว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น กระทบภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาดการณ์ แต่หากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะ โดยเปิดให้สัดส่วนการถือครองอาคารชุดพักอาศัยของชาวต่างชาติได้มากกว่า 49% รวมถึงเปิดโอกาสให้สิทธิในการซื้อบ้านพักอาศัยภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญกระตุ้นตลาด

          ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ปี 2563 มีการโอนที่อยู่อาศัยให้ชาวต่างชาติรวม 8,285 หน่วย มูลค่า 37,716 ล้านบาท "ลดลง" 35.3% และ 25.5% เทียบปี 2562 ตามลำดับ แม้จำนวนการโอนและมูลค่าลดลง แต่สะท้อนว่าในช่วงเวลาที่ประเทศไทยห้ามการเดินทางของ ชาวต่างชาติในปี 2563 ยังมีนักลงทุนต่างชาติที่มีความมั่นใจและยังคงซื้อและโอนอสังหาฯ ในไทย ถ้ารัฐมีมาตรการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ! ก็จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในตลาด
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ