ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ผลักดันเป้าเติบโต5%เน้นบริหารโปรดักต์มิกซ์-ต้นทุนการผลิตอัปมาร์จิ้น
Loading

ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ผลักดันเป้าเติบโต5%เน้นบริหารโปรดักต์มิกซ์-ต้นทุนการผลิตอัปมาร์จิ้น

วันที่ : 8 มีนาคม 2564
ตราเพชร ส่ง Diamond Studio เจาะตลาดบ้านน็อกดาวน์สำเร็จรูป
          DRTเดินหน้าตามแผนธุรกิจ มั่นใจปี 64 เติบโตได้ 5% หลังมีสัญญาณบวก ภาคอสังหาฯเปิดโครงการมากขึ้น ยอดขายจากตัวแทนจำหน่าย ราคาพืชผล เสริมแข็งแกร่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ หลังเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ ไลน์ NT-11 พร้อมบริหารการขาย Product Mix เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ดันกำไรขั้นต้นอยู่เกณฑ์ 27-28% ล่าสุด เปิดตัวแผนตลาดรุก บ้านน็อกดาวน์สำเร็จรูปต้นแบบ รองรับการขายสินค้าครบวงจร

          นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) (DRT) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2564 ถ้าเรามองโดยปกติ จะเห็นการเติบโตได้ประมาณ 3-5% เนื่องจากมีบ้านหลังเก่า (เทิร์น) มาก่อสร้างใหม่ และส่วนที่มองเห็นสัญญาณบวก ที่เติบโตมากขึ้น คือ ตลาดบ้านซ่อมแซม ที่ผู้อยู่อาศัยลงทุนไม่มาก มีสินค้าที่หลากหลายในตลาดมากขึ้น แต่เท่าที่ประเมินภาพรวมๆ ในวงการวัสดุก่อสร้างปีนี้ อย่างน้อยน่าจะมีการเติบโตได้  5-10% ซึ่งอาจจะไปเติบโตในสินค้าฝังผนังมากกว่าสินค้าหลังคา ซึ่งในการประเมินตลาด ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องมามอนิเตอร์ อย่างเช่น โครงการบ้านจัดสรรที่จะเปิดโครงการ ตอนนี้ก็ติดปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน

          "เรื่องของการเติบโตปีนี้ ทาง DRT จะสามารถเห็นการโตเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ได้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของเรา 3 ใน 4 ช่องทาง ปิดไปหมด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น โครงการอสังหาริมทรัพย์หายไปจากพอร์ตของเรา 30 เปอร์เซ็นต์ โมเดิร์นเทรด และการส่งออก คงเหลือกลุ่มตัวแทนจัดจำหน่ายที่ยอดขายเติบโตในสัดส่วน 57.51 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปีนี้ คิดว่าช่องทางหลักน่าจะกลับมาดีขึ้น แม้ว่าในประเทศพม่าจะเกิดเรื่องทางการเมือง แต่สัดส่วนของเราต่อตลาดพม่าไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่โครงการของภาครัฐ ที่เริ่มขยับการลงทุนออกไป ก็จะทำให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ นำที่ดินสะสมออกมาพัฒนาโครงการ ขณะที่ยอดขายของตัวแทนจำหน่าย ก็ต้องมองเรื่องราคาพืชผลดี ก็จะเทิร์นกลับมาที่ยอดขายของ DRT"

          สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 64 จะนำจุดแข็งด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด ไม้สังเคราะห์ และบริการระบบหลังคาอย่างครบวงจรมาช่วยสร้างฐานการเติบโต ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันการทำตลาด โดยหลังจากได้เริ่มเดินเครื่องจักรสายการผลิตใหม่ NT-11 ในเชิงพาณิชย์เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์เพิ่มขึ้นอีก 55,000 ตันต่อปี โดยเครื่องจักรใหม่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในไลน์การผลิตและกระบวนการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพจากความสามารถด้านการผลิต ที่ช่วยเพิ่มขนาดผลิตภัณฑ์ การนำไปใช้ตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัย และรองรับการเปิดโครงการอสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่มากขึ้น

          "เครื่องจักรสายการผลิตใหม่ NT-11 จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้นโดยเรามีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรในปี2564นี้ไม่ต่ำกว่า80 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตรวมกว่า 1.15 ล้านตันต่อปี แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กำลังการผลิตเราไปสู่ระดับ 85 เปอร์เซ็นต์ได้ นั่นแสดงว่า เรื่องกำลังการผลิตไม่ใช่เป็นประเด็น ดังนั้น เราต้องมาพิจารณาเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาด การบริหารจัดการด้าน Product Mix เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยอยู่ระดับต่ำ และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปีนี้ให้อยู่ในระดับ 27-28 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 26-27 เปอร์เซ็นต์ พร้อมนำเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยจะลงทุนติดตั้ง โรบอทในไลน์การผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อ เป้าหมายยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory"

          สำหรับในปี 2564 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5% หลังเริ่มเดินเครื่องจักร NT-11 เชิงพาณิชย์ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในไลน์การผลิตสินค้าทดแทนไม้และการบริหารจัดการด้านต้นทุน รวมถึงขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ดีขึ้น โดยไลน์การผลิตจะสามารถผลิตสินค้าที่มีความหลากหลายของขนาดผลิตภัณฑ์ สามารถตอบสนองผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มโอกาสการขายสินค้าในจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

          ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว Diamond Studio แบบบ้านน็อกดาวน์ พื้นที่ใช้สอย 75 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคา 1.2 ล้านบาท หรือ 16,000 บาทต่อตร.ม. โดยนำแบบก่อสร้างของผู้ชนะเลิศโครงการ DIAMOND Design Contest 2020 มาสร้างเป็นบ้านน็อกดาวน์สำเร็จรูปต้นแบบ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับทางโครงการ หรือลูกค้าที่สนใจ เนื่องจากง่ายในการติดตั้งเพียง 3 สัปดาห์ ตอบโจทย์การทำธุรกิจหรือค้าขายที่ให้ผลตอบแทนที่เร็วขึ้น