นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังมีโอกาสราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ซื้ออยู่ในภาวะที่มีกำลังซื้อและความมั่นใจลดลง และมีสต๊อกเหลือขายจำนวนมาก ประกอบกับผู้ประกอบการยังมีภาระด้านต้นทุนที่ลดลงจากความช่วยเหลือของรัฐบาลในเรื่องภาษีที่ดินฯ และการยืดระยะเวลาในการใช้ราคาประเมินฯ ใหม่ออกไปอีก จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้ประกอบการยังคงมีการใช้มาตรการลดราคาและส่วนลดของแถมมากระตุ้นตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง

          ส่วนการจัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ไตรมาส 4 ปี 63 ราคายังลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.8 จุด ลดลง 0.2% เมื่อ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส เป็นผลจากการลดราคาและจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงที่ มีการล็อกดาวน์ทางเศรษฐกิจ โดยหากแยกเป็นราคาบ้านเดี่ยว ปรับ ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ราคาทาวน์เฮาส์ ก็ลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

          ทั้งนี้รายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในปลายปี ส่วนใหญ่ 41.6% เป็นของแถม เช่น เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ ฯลฯ รองลงมา 33% เป็นส่วนลด ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีค่าส่วนกลาง และส่วนลดเงินสด

          สำหรับดัชนีราคาคอนโดมิเนียมไตรมาส 4 ปี 63 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 151.9 จุด ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวติดลบติดต่อกัน 4 ไตรมาส นับตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 63 และยังเป็นไตรมาสแรกที่ดัชนีราคาลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 1.2% ซึ่งสะท้อนว่าใน ภาพรวมของตลาดห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายมีจุดสูงสุดของราคาที่ไตรมาส 4 ปี 62 และมีการปรับราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง

          "สาเหตุเนื่องจากกำลังซื้อหดตัวทั้งผู้ซื้อชาวไทยในกลุ่มนักลงทุนและชาวต่างชาติที่ติดปัญหา จากโควิด ประกอบกับอุปทานห้องชุดที่เหลือขายที่ทยอยสร้างเสร็จจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นพอสมควร ส่ง ผลให้ผู้ประกอบการต้องจัดแคมเปญลดราคาขายและ จัดโปรโมชั่นเพื่อเร่งรัดการตัดสินใจของผู้ซื้ออย่าง ต่อเนื่อง"