บ้านค้างสต๊อก 2 แสนหน่วย
Loading

บ้านค้างสต๊อก 2 แสนหน่วย

วันที่ : 22 ตุลาคม 2563
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผย พิษเศรษฐกิจซึมยาวชงรัฐขยายมาตรการอุ้ม
     
          ศูนย์ข้อมูลอสังหาเผยโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ครึ่งแรกของปีนี้เหลือรวม 205,851 หน่วย ขณะที่บ้านจัดสรรจังหวัดปทุมธานีเหลือขายมากที่สุด 40.4% ส่วนทำเลบางพลี, บางบ่อ, บางเสาธง สุดฮิต! ที่อยู่อาศัยขายออกมากที่สุด

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรกปี 2563 ซึ่งเป็นการสำรวจโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดพบว่ามีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย ณ ครึ่งแรก ปี 2563 ทั้งหมด 1,692 โครงการ จำนวน 205,851 หน่วย มูลค่ารวม 1.03 ล้านล้านบาท

          ทั้งนี้ จำแนกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,167 โครงการ 120,341 หน่วย มูลค่า 642,816 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 525 โครงการ 85,510 หน่วย มูลค่า 395,048 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวมีหน่วยเหลือขายจำนวน 173,093 หน่วย และในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่จำนวน 32,758 หน่วย

          ส่วนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล อัตราอาศัยที่อยู่ระหว่างการขายยังคงเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของบ้านจัดสรร 15.2% แต่อาคารชุดมีลดลง 6.2% โดยจังหวัดที่มีหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี อยู่ที่ 40.4% รองลงมาคือ นครปฐม 9.0% และสมุทรปราการ 5.7% ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มียอดเหลือขายลดลงมากที่สุดได้แก่ กรุงเทพฯ 2.4% รองลงมาได้แก่นนทบุรี 0.6% และสมุทรสาคร 0.2%

          ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก 2563 มีโครงการเปิดขายใหม่รวม 159 โครงการ จำนวน 29,816 หน่วย มูลค่ารวม 137,068 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 124 โครงการ รวม 17,926 หน่วย มูลค่า 94,667 ล้านบาท และอาคารชุด 35 โครงการ จำนวน 11,890 หน่วย มูลค่ารวม 42,401 ล้านบาท

          ส่วนทำเลที่มีหน่วยขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2563 มากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง ทำเลเมือง สมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ และทำเลลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรีหนองเสือ ตามลำดับ ขณะที่ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ทำเลลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย และทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ตามลำดับ

          ส่วนประมาณการทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑลปี 2563 และแนวโน้มปี 2564 นั้นคาดว่า ณ ครึ่งหลังปี 2563 จะมีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 185,993 หน่วย มีมูลค่า หน่วยเหลือขายจำนวน 937,703 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 193,415 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 956,086 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 2564 คาดว่าอัตราดูดซับจะลดลงมาอยู่ที่ 2.0% ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ในครึ่งแรกปี 2564 ส่วนอัตราดูดซับต่อเดือนของอาคารชุดคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 1.7% ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.8% ในครึ่งแรกปี 2564

          สาเหตุที่มียอดเหลือค้างสต๊อกจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผู้ซื้อเพื่อการลงทุนลดลง รวมถึงชาวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาซื้อได้ และการถูกธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการให้สินเชื่อ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการพยายามปรับตัว ด้วยการชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ หั่นกำไรเพื่อเร่งขายสต๊อกเดิม แต่จำนวนที่อยู่อาศัยที่เหลือค้างสต๊อกก็ยังคงสูงอยู่ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ภาครัฐขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลืออย่างละ 0.01% ที่จะหมดในเดือนธ.ค.นี้ ต่อไปอีก 1 ปี
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ