ที่อยู่อาศัยระหว่างขายพุ่ง1.03ล้านล. ลุ้นQ3/64 วัคซีนโควิด หนุนอสังหา
Loading

ที่อยู่อาศัยระหว่างขายพุ่ง1.03ล้านล. ลุ้นQ3/64 วัคซีนโควิด หนุนอสังหา

วันที่ : 22 ตุลาคม 2563
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจที่อยู่อาศัยระหว่างการขาย กทม.-ปริมณฑลครึ่งปีแรก
          ศูนย์ข้อมูล อสังหาฯ เผยผลสำรวจที่อยู่อาศัยระหว่างการขาย กทม.-ปริมณฑลครึ่งปีแรก พบหน่วยระหว่างขาย 1,692 โครงการ 205,851 หน่วย มูลค่า 1,037,865 ล้านบาท แจงที่อยู่อาศัยใหม่ขายได้แล้ว 32,758 หน่วย คาดไตรมาส 2/64 ได้วัคซีนโควิด-19 หนุนไตรมาส3ปีหน้าอสังหาฯระดมขึ้นโครงการใหม่ แนะลงทุนอย่างระมัด ระวังหวั่นซัปพลายบางเซกเมนต์ล้น

          ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงหน่วยที่อยู่อาศัยระหว่างการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของบ้านจัดสรร 15.2% ส่วนอาคารชุดมีหน่วยลดลง 62% เมื่อพิจารณาอัตราการเปลี่ยน แปลงที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ มีจำนวนลดลง -28.7% จากช่วงเดียวกันของปี 62 ขณะที่อัตราการขายปรับตัวลดลง-24.9% ส่งผลให้หน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้น 13.9%

          โดยจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีซัปพลายเพิ่มขึ้นมากที่สุด 40.4% รองลงมาคือ นครปฐม 9.O% และสมุทรปราการ 5.7% ส่วนจังหวัดที่มีซับพลายลดลงมากที่สุด คือ กทม. -24% รองลงมาคือ นนทบุรี -0,6% และสมุทรสาคร 0.2%

          ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่าช่วงครึ่งแรกปี 63 มีซัปพลายรวม 1,692 โครงการ 205,851 หน่วย มูลค่า 1,037,865 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 1,167 โครงการ 120,341 หน่วย มูลค่า 642,816 ล้านบาท และอาคารชุด 525 โครงการ 85,510 หน่วย มูลค่า 395,048 ล้านบาท โดยใน 6 เดือนแรกมี 159 โครงการเปิดใหม่ 29,816 หน่วย มูลค่า 137,068 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 124 โครงการ 17,926 หน่วย มูลค่า 94,667 ล้านบาทและอาคารชุด 35 โครงการ 11,890 หน่วย มูลค่า 42,401 ล้านบาท โดย กทม.มี โครงการเปิดขายใหม่มากที่สุด 68 โครงการ เป็นบ้านจัดสรร 46 โครงการ อาคารชุด 22 โครงการ 12,463 หน่วย มูลค่า 71,038 ล้านบาท รองลงมาคือ ปทุมธานี เปิดใหม่ 31 โครงการ เป็นบ้านจัดสรร 26 โครงการ อาคารชุด 5 โครงการ 7,720 หน่วย มูลค่า 25.007 ล้านบาท และนนทบุรี 23 โครงการ เป็นบ้านจัดสรร 21 โครงการ อาคารชุด 2 โครงการ 5,196 หน่วย มูลค่า 26,345 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตามหน่วยเหลือขาย และหน่วยที่ขายได้ใหม่ ยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตา ซึ่งครึ่งปีแรกใน กทม.-ปริมณฑล มีซัปพลายเหลือขาย 173,093 หน่วย มูลค่า 878,933 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 99,993 หน่วย มูลค่า 533,725 ล้านบาท และอาคารชุด 73,100 หน่วย มูลค่า 345,208 ล้านบาท ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่ครึ่งปีแรกมีจำนวน 32,758 หน่วย มูลค่า 158,932 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 20,348 หน่วย มูลค่า 109,092 ล้านบาท และอาคารชุด 12,410 หน่วย มูลค่า 49,840 ล้านบาท

          ดร.วิชัย กล่าวว่า สำหรับอัตราดูดซับในตลาด กทม.-ปริมณฑล ซึ่งสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัยพบว่าอัตราดูดซับต่อเดือนลดลงจาก 3.7% ในครึ่งแรกปี 62 เหลือ 2.7% โดยบ้านจัดสรรยังมีอัตราดูดซับ 2.8% เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อาคารชุดมีอัตราดูดซับลดลงจาก 4.8% เหลือ 2.4% เนื่องจากมีหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้น ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่ มีจำนวนลดลง

          ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ครึ่งหลังปี 63 จะมีที่อยู่อาศัยรอการขาย 185,993 หน่วย มูลค่า 937,703 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 193,415 หน่วย มูลค่า 956,086 ล้านบาทในครึ่งแรกปี 64 ขณะที่อัตราดูดซับต่อเดือนบ้านจัดสรร จะลดลงเหลือ 20% ในครึ่งหลังปี 63 และเพิ่มเป็น 24% ในครึ่งแรกปี 64 ส่วนอัตราดูดซับอาคารชุดจะลดลงอยู่ที่ 1.7% ในครึ่งหลังปี 63 และเพิ่มเป็น 1.8% ในครึ่งแรกปี 64 ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่จะยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่ 23,116 หน่วยในครึ่งหลังปี 63 และเปิด 26,124 ครึ่งแรกปี 64 ขณะที่หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ครึ่งหลังปี 63 คาดว่าอยู่ที่ 75,752 หน่วย 187,971 ล้านบาท และหน่วยโอนจะลดเหลือ 56,774 หน่วย 228,24 ล้านบาท ในครึ่งแรกปี 64

          อย่างไรก็ตาม คาดว่าไตรมาส 2 ปี 64 จะมีข่าวดีในเรื่องวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ออกมาใช้ได้จริง ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดอสังหาฯกลับมาขยายตัวได้ และส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 64 และส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทยอยเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมๆ กันซึ่งหาก บริษัทอสังหาฯ พร้อมใจกันเปิดโครงการใหม่ในเซกเมนต์เดียวกัน เซกเมนต์ใด เซ็กเม้นท์หนึ่ง อาจจะ ส่งผลให้เกิดซัปพลายล้นได้ ดังนั้น ในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่จึงต้องมีความระมัดระวังให้มาก