MJDเร่งระบายสต๊อกคอนโดฯหมื่นล้าน
Loading

MJDเร่งระบายสต๊อกคอนโดฯหมื่นล้าน

วันที่ : 21 สิงหาคม 2563
เมเจอร์ฯ เร่งระบายสต๊อก
          เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ไม่รีบลงทุนเยอะ ครึ่งปีหลังเปิด 1 โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ เผยตลาดคอนโดฯระดับ ลักชัวรี่ ถูกกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก พร้อมจัดราคาพิเศษกระตุ้นยอดขาย "มิวนีค สุขุมวิท 23" คัดห้อง ทำราคาต่ำกว่าตลาดมาอยู่ที่ 2.2 แสนบาทต่อตร.ม. ลูกค้าจีนค้างท่อรอเปิดน่านฟ้า ด้าน ซีบีอาร์อี ชี้ตลาดเริ่มฟื้น อิง ดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้น ยอดเยี่ยมชมโครงการเพิ่มเท่าตัว เผยสต๊อก ลักชัวรีในเมืองกว่า 12,000 ยูนิต

          ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MJD) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี คาดว่าก็ยังคงกระทบกับอีกหลายทุกธุรกิจตลอดปีนี้หรือ จนถึงปี 2564 ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เรามีการวางแผนรัดกุมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นระบายสินค้าคงค้าง (สต๊อก) ที่มีอยู่ก่อนกว่า 10,000 ล้านบาท

          "สำหรับตลาดลักชัวรี กระทบบ้างแต่ไม่มาก และยังไม่น่าเป็นห่วงมาก ยอดขายคงไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา เพราะคอนโดฯระดับลักชัวรีมีความอดทนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี เชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาด อสังหารริมทรัพย์จะฟื้นตัวเช่นกัน ซึ่งตนคาดว่าประมารกลางปี 2564 ตลาดจะกลับพลิกกลับมาฟื้นตัว อีกทั้งด้วยเชื่อในศักยภาพของทำเลและโครงการของเมเจอร์ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในไพร์มเอเรียล ที่แทบจะไม่เหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการต่อไปได้"

          สำหรับแผนการลงทุนใหม่นั้น ดร.สุริยา กล่าวว่า จะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนีย"ไมลส์ รัชดาลาดพร้าว" รูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 300 ยูนิต ราคาขาย 80,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) หรือต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านบาท มูลค่าโครการ 550 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่ดีไซน์ใหม่รับกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ขณะที่ในแต่ละปี ตนจะมีการเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ

          ล่าสุด บริษัทได้จัดโปรโมชันในกระตุ้นยอดขายโครงการคอนโดฯลักชัวรีสร้างเสร็จพร้อมโอน ภายใต้ชื่อโครงการ "มิวนีค สุขุมวิท 23" โดยนำมาเสนอราคาขายต่อ ตร.ม.ที่ 2.2 แสนบาท หรือเริ่มต้น 7.9 ล้านบาทในส่วนของ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้และเป็นราคาที่ดี และยังสามารถที่จะนำมาปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งในโซนสุขุมวิทตอนต้นจะมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ ขณะที่ราคาคอนโดฯลักชัวรีทั่วไปจะประมาณ 2.5-3 แสนบาทต่อตร.ม. ปัจจุบัน โครงการ "มิวนีค สุขุมวิท 23" มียอดขายไปแล้ว 70 % และคาดว่าจนถึงปลายปียอดขายจะเพิ่มเป็น 80% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,800 ล้านบาท

          "ช่วงที่ล็อกดาวน์ และภาครัฐยังไม่มีนโยบายเปิดน่านฟ้านั้น ก็อาจทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการใน"มิวนีค สุขุมวิท 23" ยังไม่สามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งจะมีอยู่ 25% ของยอดขายรวม สิ่งที่เราทำ คือ ผ่อนปรนในเรื่องการโอน หรือ ลูกค้ามอบอำนาจให้บุคคลมาตรวจสอบสภาพห้องก่อน เพื่อตรวจเช็กสภาพว่า และเมื่อพร้อมค่อยดำเนินการโอนห้องชุด"

          นางสาวอลิวัสสา พัฒนาถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า มีหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า ตลาดอสังหาฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากเกิดโควิด-19 ว่า อย่างแรก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ที่เริ่มเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และเข้าสู่จุดต่ำสุดในเดือนเมษายนลดลงมาอยู่ที่ 47.2% และตัวเลขในเดือนกรกฎาคมเพิ่มมาอยู่ที่ 50.1%

          ขณะที่ข้อมูลภายในของซีบี อาร์อี จะพบว่า จำนวนคนเข้าเยี่ยมชมโครงการ (Walk-In) ที่ซีบีฯบริหารอยู่ เริ่มขยับขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงกรกฎาคม ซึ่งสามารถวัดความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ในตลาดได้ โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ราย สาเหตุอาจจะเกิดจากผู้บริโภคต้องการมองหาที่อยู่ในเมืองและนอกเมือง ไว้สำหรับรองรับเป็นบ้านหลังที่สอง เพื่อรองรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก โดยเราพบว่า ตัวเลขการซื้อบ้านหลังที่สองเพิ่มเป็น 25% ในไตรมาส 2 ปีนี้ แต่ซื้อเพื่อการลงทุนและเก็งกำไรลดลงมาเหลือ 16% จากปี 2562 อยู่ที่ 34% โดยตัวเลข ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่า ตัวเลขที่นำมาเสนอกำลังบอกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังกลับมาฟื้นตัว

          ในส่วนของสินค้า (ซัพพลาย) ปีนี้แทบจะไม่มีการเปิดโครงการใหม่ โดยในรอบ 6 เดือนแรกปี 63 ในพื้นที่กรุงเทพฯ (Downtown AREA) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ลดลง 84%

          สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่งการก่อสร้างและเหลือขายอยู่ในตลาดในทุกทำเลในเมือง จะเห็นว่าการขายเฉลี่ยในทุกทำเลประมาณ 60% ทำให้เหลือยูนิตในตลาดประมาณ 12,000 ยูนิต และหากแยกเป็นทำเลแล้ว ยอดขายของโครงการที่สร้างเสร็จเฉลี่ยอยู่ที่ 92.8% หรือมีซัปพลายเหลือประมาณ 4,000 ยูนิต
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ