นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรก ปี 63 จาก 3 ธุรกิจหลักทั้งที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม มีรายได้รวม 2,168 ล้านบาท มีกำไร 335 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิปี 62 หุ้นละ 0.045 บาท ในวันที่ 21 พ.ค.นี้

          สำหรับรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจที่พักอาศัย 752 ล้านบาท ลดลง 56% ธุรกิจอาคารสำนักงาน 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% และธุรกิจโรงแรม 1,144 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 17% โดยมาตรการปิดเมืองได้ส่งผลระดับหนึ่ง อาทิ ลูกค้าชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาตรวจรับมอบอาคารชุดได้ด้วยตนเอง และลูกค้าชาวไทยบางส่วนชะลอการ เข้าเยี่ยมชมโครงการ และตรวจรับห้องออกไปจนกว่าสถานการณ์จะคลายตัวลงเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม แต่ในไตรมาสนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

          นางฐิติมา กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงแรม ที่มีทั้งหมด 39 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 52% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมานั้น มาจากการเปิดโครงการครอสโรดส์ ที่มัลดีฟส์ ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4 อาคาร มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 41% เนื่องจากเข้าซื้ออาคารเมโทรโพลิสซึ่งมีพื้นที่ 13,700 ตร.ม. และมีอัตราปล่อยเช่าสูงถึง 97% มีโอกาสในการเติบโตสูงเพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

          อย่างไรก็ตามจากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับความท้ายทายครั้งใหม่ โดยในไตรมาส 2 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อฟื้นฟูธุรกิจเน้นการดำเนินแผนบริหารจัดการต้นทุนที่เคร่งครัด อาทิ การปรับงบประมาณและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การบริหารกระแสเงินสด รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ ที่สำคัญบริษัทยังมุ่งพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม รวมทั้งสร้างความยืดหยุ่นให้กับองค์กรเพื่อรองรับกับการเปลี่ยน แปลงและเชื่อมั่นว่าจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง