เอสซีจีเซรามิกส์ขายวูบ
Loading

เอสซีจีเซรามิกส์ขายวูบ

วันที่ : 25 มกราคม 2563
ยอดขายตลาดต่างประเทศลดลงจากปีก่อน 23% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของสงครามการค้า
        ตลาดตปท.ทรุด-พิษเงินบาทแข็ง

        เอสซีจี เซรามิกส์ โอดรายได้ปี 62 ลดลง 4% ตลาดชะลอตัว ยอดขายต่างประเทศหดตัวจากความผันผวนเศรษฐกิจโลก ชี้ปี 63 ยังท้าทาย หวังมาตรการรัฐกระตุ้นกำลังซื้อกระเตื้อง มั่นใจบริษัททำยอดขายโตกว่าตลาด 3-5%

        นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 ว่า มีรายได้จากการขาย 2,545 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ตลาดที่ชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปี บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 11,074 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4% โดยมีกำไรสุทธิรวม 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 158 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญจากต้นทุนการ ผลิตที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรม ชาติ รวมถึงความสามารถในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ประกอบกับสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหาร การขายและการตลาดได้ตามเป้าหมาย

        อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นมาจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการส่งออก 1,946 ล้านบาท และรายได้จากการขายในภูมิภาคอาเซียน 1,370 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 มีรายได้จากการส่งออก 466 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของยอดขายรวม ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีปริมาณขายในภูมิภาคอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 17% ของปริมาณขายรวมลด ลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

        "ยอดขายตลาดต่างประเทศลดลงจากปีก่อน 23% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของสงครามการค้า รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อยอดขายกระเบื้องเซรามิกในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกัมพูชา ลาว และพม่า ด้านสถานการณ์ตลาดเซรามิกในประเทศ ไตรมาสที่ผ่านมาไม่มีการเติบโตและติดลบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบอย่าง ต่อเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจ ของไทยและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับความกังวลใจเรื่องภัยแล้ง" นายนำพลกล่าว

        อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินสถานการณ์ตลาดในช่วงปี 2563 ว่ามีปัจจัยลบค่อนข้างมาก ซึ่งถือเป็นความท้าทายขององค์กรและรัฐบาล ซึ่งต้องประเมินความสามารถในการแข่งขันด้วย แต่บริษัท ก็มั่นใจว่าจะมียอดขายโตกว่าตลาด ประมาณ 3-5% เนื่อง จากมีการ ลงทุนให้สามารถลดต้นทุนการผลิต ได้ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการ แข่งขันดีขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้างบลงทุน ในปี 63 ที่ 400-500 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดการโรงงานและลงทุนในโครงการคลังเซรามิก ที่เป็นร้านค้าปลีกกระเบื้องสำหรับตลาดกลางลงมา โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 28 สาขา และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 100 สาขา ใน 3-5 ปีข้างหน้า

        นายนำพลกล่าวว่า แนวโน้มตลาดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบทั้งภายนอกและภายในประเทศ ซึ่งต้องติดตามมาตรการจากภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อในไตรมาสที่ 3-4 ของปีให้กระเตื้องขึ้นมาได้ ขณะที่จากมาตรการของภาครัฐที่มุ่งเน้นช่วยผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% มาตรการสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท ของธนาคารอาคารสงเคราะห์สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท