รฟท.ทุ่ม3.85หมื่นล้าน ผุดทางคู่ สายตะวันออก
Loading

รฟท.ทุ่ม3.85หมื่นล้าน ผุดทางคู่ สายตะวันออก

วันที่ : 28 พฤศจิกายน 2562
นายสมเกียรติ เตรียมแจ้งอรุณ ผู้จัดการโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด
        "รฟท." ทุ่ม 3.85 หมื่นล้าน ลุยรถไฟทางคู่สายตะวันออก เชื่อม 3 ท่าเรือ หนุนเดินทางและขนส่งสินค้า ดันไทย ขึ้นฮับโลจิสติกส์อาเซียน
        นายสมเกียรติ เตรียมแจ้งอรุณ ผู้จัดการโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ได้เปิดรับฟัง        ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด
        โดยที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโครงการเพื่อลดผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เช่น การแก้ไขปัญหาจุดตัด ทางรถไฟด้วยการสร้างสะพาน และทางลอด เพื่อความปลอดภัยการเดินทาง รวมทั้งการสร้างรั้วตลอดแนวเส้นทางป้องกันไม่ให้ ประชาชนและสัตว์เลี้ยงได้รับอันตรายจากการถูกรถไฟชน
        สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สาย ตะวันออกนี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 3.85 หมื่นล้านบาท มีระยะทางรวม 202 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 18 สถานี ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่อุตสาหกรรมหลักกับ 3 ท่าเรือ คือ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
        ทั้งนี้ หากรถไฟทางคู่เปิดให้บริการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังทุกภูมิภาคอาเซียน โดยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไปยังมาบตาพุดประมาณ 2 ชั่วโมง คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสาร 2.3 ล้านคนต่อปี ในปีที่เปิด ให้บริการ และเพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนต่อปี ในปี 2598 และคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้า 83 ล้านตันต่อปี ในปีที่เปิดให้บริการ และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 250 ล้านตันต่อปี ในปี 2598
        "การพัฒนาระบบขนส่งและ โครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและ เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นับเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในพื้นที่อีอีซี รองรับการเดินทางและ ขนส่งสินค้าจากทั่วประเทศ กระตุ้นให้เกิด การลงทุนทางธุรกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชน ช่วยสร้างเสริม เศรษฐกิจไทยให้เติบโต และส่งเสริมให้เป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคและของอาเซียน"
 
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ