ตลาดรับสร้างบ้าน โค้งท้ายฝ่าปัจจัยเสี่ยง ขึ้นค่าแรง
Loading

ตลาดรับสร้างบ้าน โค้งท้ายฝ่าปัจจัยเสี่ยง ขึ้นค่าแรง

วันที่ : 8 สิงหาคม 2562
มูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านในปีนี้ น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5-8%
          แนวโน้มที่รัฐบาลจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากปัจจุบัน 325 บาทต่อวันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กระทบต่อต้นทุนสร้างบ้านที่มีสัดส่วนต้นทุนแรงงาน 30%

          แม้เป็นปีที่ซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากหลากหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจโลกผันผวน ผลกระทบจากสงครามการค้า ลามมาถึงตลาดต่างชาติ ลูกค้าหลักด้านอสังหาฯอย่างจีน ได้รับผลพวง จากค่าเงินหยวนอ่อนค่าในรอบ 11 ปี ทำให้ราคาอสังหาฯไทยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะชะลอซื้อ ขณะที่ตลาดภายในประเทศกำลังซื้อก็ไม่ดีนัก ทำให้ซัพพลายบ้านยังเหลือค้างสต็อกในตลาดเป็นจำนวนมาก ทว่าสำหรับธุรกิจรับสร้างบ้าน กลับยังมีอัตราเติบโต

          ศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน มองภาพรวมเศรษฐกิจ ในปี 2562 ว่าเป็นปีที่มีความท้าทายและยังอยู่ในภาวะถดถอย เพราะปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจภายในประเทศยังแข็งแกร่ง แม้ภาคอสังหาฯ ซบเซา แต่กลุ่มผู้สร้างบ้านเอง ยังมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนมีรายได้สูง ส่งผลให้ ธุรกิจรับสร้างบ้านเติบโต โดยถือเป็น กลุ่มที่อยู่อาศัยจริง (Real Sector)

          นอกจากนี้ หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศ ประเมินว่าจะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่ต้องการจะมีบ้านตัดสินใจสร้างบ้านต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกพบว่า ยังคงมีการขยายตัวจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก แต่ในไตรมาสที่2 พบว่าตลาดชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ และเศรษฐกิจโลก

          อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อรัฐบาลมีความชัดเจนในการวางแผนการพัฒนาประเทศ จะส่งผลทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่ผู้บริโภค ตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน จึงส่งผลให้มูลค่าการขายของแต่ละบริษัทรับสร้างบ้าน น่าจะปรับตัวดีขึ้น

          โดยที่ผ่านมา พบว่า ตลาดที่ขยายตัวดี คือ บ้านระดับราคา 5-15 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วน 30%ในตลาด บ้านราคา 20 ล้านบาท สัดส่วน 20%ในตลาดขณะที่บ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50% ในตลาดแม้จะยังคงขยายตัวดี แต่เป็นการขยายตัวในอัตราลดลง สะท้อนถึงตลาดเริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

          นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ยังประเมินว่า มูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านในปีนี้ น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5-8% คิดเป็นมูลค่า 12,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีมูลค่า 12,000 ล้านบาท "เศรษฐกิจภายหลังการเลือกตั้ง คนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงเริ่มมีการ ต่อเติมบ้าน และสร้างบ้านในกลุ่มคนที่มี กำลังซื้อ และมีที่ดินอยู่แล้ว ช่วงไตรมาส 2 มีการชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบ้านระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท ขยายตัว ที่น้อย ขณะที่บ้านระดับราคา 5 -10 ล้านบาท และบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังถือว่าเติบโตได้ค่อนข้างดี เนื่องจาก ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก คาดว่า เมื่อผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจจาก การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะเริ่มกลับมาปลูกสร้างบ้านมากขึ้น" ศิริพร กล่าว และว่า กลุ่มคนสร้างบ้านถือเป็นกลุ่มคนมีกำลังซื้อ เพราะเป็นกลุ่มคนที่สร้างบ้าน ด้วยเงินสด หรืออาจจะกู้ราว 50% ของราคาบ้าน โดยเป็นกลุ่มที่ธนาคารให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นพิเศษ

          อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงคือ แนวโน้มที่รัฐบาลจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากปัจจุบัน 325 บาทต่อวัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากมีการขึ้นในเร็วๆ นี้จะส่งกระทบต่อต้นทุนการสร้างบ้านที่มีสัดส่วนต้นทุนแรงงาน 30% ยังรวมไปถึงการขึ้นราคาวัสดุก่อสร้าง ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้านของผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้

          ทั้งนี้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้มีแผนกระตุ้นกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังโดยการจัดงาน รับสร้างบ้านและวัสดุHome Builder Expo2019 ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. - 1 ก.ย.นี้ ที่อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี โดยภายในงาน จะเป็นการรวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านระดับชั้นนำมาไว้ในงาน พร้อมด้วยแบบบ้านจากบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 1,000 แบบ พร้อมกับมีรูปแบบบ้านทุกระดับ ราคาให้ผู้บริโภคได้เลือก ตั้งแต่ 1-100 ล้านบาทขึ้นไป รวมไปถึงการดึง ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ ตกแต่งบ้านนำนวัตกรรมสร้างมาใช้ ลดต้นทุน ประหยัดเวลาก่อสร้างบ้านให้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาอัตราค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

          ด้าน วรวุฒิ กาญจนกูล เลขาธิการ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวต่อว่า ยังได้ร่วมมือกับธนาคารพันธมิตร จัดงาน NPA Grand Sale and Home Loan2019 ซึ่งเป็นงานที่รวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย พร้อมด้วยสินทรัพย์รอการขาย หรือ NPA ซึ่งมีที่ดินที่พร้อมสร้างบ้าน ตลอดจนมีการบริการด้านขอสินเชื่อ คาดว่าภายในงานจะสร้างยอดขายในงานได้กว่า 3,000 ล้านบาท


 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ