ตลาดวัสดุก่อสร้างปลายปีสดใสDRT มั่นใจยอดขายโต 5% ตามแผน
Loading

ตลาดวัสดุก่อสร้างปลายปีสดใสDRT มั่นใจยอดขายโต 5% ตามแผน

วันที่ : 7 กันยายน 2561
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ 'ตราเพชร' เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจจะผลักดันยอดขายในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ตามเป้าหมาย หลังจากประเมินแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างช่วงปลายปีนับตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2561 และความต้องการ ใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างจะขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

เนื่องจาก ภาคเอกชนและผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ หลังจากภาครัฐได้เร่งดำเนินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งหลายโครงการมีความชัดเจนและเริ่มดำเนินการได้แล้วตามแผนงาน เช่น การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายทางใหม่ๆ รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและการขยายตัวของเมืองในจังหวัดเศรษฐกิจที่สำคัญๆ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่า แผนดำเนินงานของ DRT นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบันยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ดี โดยช่องทางจำหน่ายผ่านไปยังกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์และห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ขยายตัวได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านจัดสรรและทาวน์เฮาส์- ทาวน์โฮมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ก็มีแผนลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวสูงขึ้น

ทั้งนี้ จากการดำเนินแผนการตลาดของ DRT ที่มุ่งเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครบครันสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ภายใต้แนวคิด 'สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง' ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา กลุ่มไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบา สามารถรองรับการก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง พร้อมมุ่งบริหาร Product Mix เพื่อบริหารสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรับมือกับปัจจัยลบด้านต้นทุนวัตถุดิบผลิตสินค้าบางรายการที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ และยังทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 25-27% ได้ตามแผน

"เรามีช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งและสามารถผลักดันการเติบโตได้ทุกช่องทาง โดยช่องทางลูกค้าโครงการและห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่เป็นช่องทางที่เติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่ตลาดส่งออกและร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อยก็ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากเรามีความพร้อมของสินค้าที่หลากหลายและคุณภาพสินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี" นายสาธิต กล่าว