“PSH” เผยไตรมาส 4/62 จ่อโอนสินค้ากลุ่มแวลูกว่า 9 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาท ส่วนผลงานไตรมาส 3/62 ดีขึ้นทั้งยอดขาย-ยอดโอน
            นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2562 ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์ และยอดขาย (Presale) จะดีขึ้นจากไตรมาส 2/2562 เนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ โดยการเลือกเปิดขายโครงการที่มีความต้องการสูง เพื่อให้ยอดขายแต่ละโครงการไปได้เร็ว ขณะเดียวกันจะส่งผลให้สินค้าในพอร์ตของบริษัทไม่เพิ่มมากเกินไป
            ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2562 บริษัทยังคงประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์และยอดขายจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2562 เนื่องจากบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือที่จะทยอยส่งมอบต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นบริษัทคาดในช่วงไตรมาส 4/2562 จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์จากสินค้าในกลุ่มแวลู (บ้านเดี่ยว ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท, คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำกว่า  7 ล้านบาท) จะอยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท
            โดยจะมาจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทยอด Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มแวลูประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท และจะมาจากโครงการแนวราบประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี Backlog จากโครงการแนวราบประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในช่วง 1 เดือนครึ่งจากนี้
            ขณะที่บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 4/2562 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่รวม จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,100 ล้านบาท
            โดยในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ เดอะปาล์ม กรุงเทพกรีฑา-วงแหวน มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายจะมียอดขายภายในช่วงวันเปิดงาน 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ลงทะเบียนสนใจแล้วประมาณ 500 ราย
            สำหรับโครงการ เดอะปาล์ม กรุงเทพกรีฑา-วงแหวน เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูระดับลักซ์ชัวรี่ จำนวน 91 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบพร้อมห้องสำหรับแม่บ้าน ได้แก่ แบบ ARECA พื้นที่ใช้สอย 222 ตารางเมตร บนที่ดินเริ่มต้น 66 ตารางวา, แบบ LIVISTONA พื้นที่ใช้สอย 253 ตารางเมตร บนที่ดินเริ่มต้น 72 ตารางวา และแบบ LATANIA พื้นที่ใช้สอย 292 ตารางเมตร บนที่ดินเริ่มต้น 80 ตารางวา
             “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะลดลงได้ประมาณ 12-15% มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในปี 2562 คาดตลาดบ้านเดี่ยวจะลดลงประมาณ 10% โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับราคาขายที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ปัจจุบันหายไปจากตลาดมากกว่า 20% ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้คาดจะลดลงที่ประมาณ 15% ด้วยภาวะตลาดแบบนี้ เราจึงปรับกลยุทธ์ เลือกเปิดขายโครงการที่มียอดผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนโครงการที่มียอดผู้สนใจน้อย ๆ เราก็ชะลอ หรือเลื่อนไปก่อน” นายปิยะ กล่าว