วุฒิชัย มั่งคั่ง
            กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์...เมืองหลวงของประเทศ ไทย ที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่ย้ายถิ่นฐานมาศึกษาหาความรู้หรือประกอบอาชีพเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวรวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ที่เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทยทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกสบายมากขึ้นและที่อยู่อาศัยก็ปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับความต้องการส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ของคนเมืองมากขึ้น ยิ่งครบวงจรมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่ต้องการมากเท่านั้น
9 โครงการ 4 แสนล้าน
            ต้องยอมรับว่าปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยับมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากที่สุด เพราะถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมการใช้งานหลากหลายรูปแบบอยู่บนพื้นที่เดียวกันไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการ อยู่อาศัยหรือเพื่อการพาณิชย์อย่างคอนโดมิเนียม โรงแรม หรืออาคารสำนักงานรวมทั้งมีห้างสรรพสินค้าด้วย เพื่อสร้างความสะดวกสบาย
            รู้หรือไม่!!! ระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 61-68 เมืองหลวงของไทยจะมีโครงการมิกซ์ยูสกว่า 9 แห่ง ที่ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้างอยู่กระจายอยู่บนพื้นทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยมูลค่าลงทุนรวม 418,455 ล้านบาท ได้แก่ ไอคอนสยาม มูลค่าลงทุน 54,000 ล้านบาท, วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน มูลค่าลงทุน 30,000 ล้านบาท, สิงห์ คอมเพล็กซ์ มูลค่าลงทุน 4,255 ล้านบาท, สามย่าน มิตรทาวน์ มูลค่าลงทุน 8,500 ล้านบาท, สินธร วิลเลจ มูลค่าลงทุน 55,000 ล้านบาท, เดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่าลงทุน 90,000 ล้านบาท เดอะ ปาร์ค มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท, วัน แบงค็อก มูลค่าลงทุน 120,000 ล้านบาท และดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มูลค่าลงทุน 36,700 ล้านบาท
            ปักธงฝั่งธน-พระโขนง
            มาทำความรู้จักแต่ละโครงการ เริ่มจาก... ไอคอนสยามที่พัฒนาร่วมกัน 3 บริษัทพันธมิตร คือ สยามพิวรรธน์, เครือเจริญโภคภัณฑ์และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ ด้วยมูลค่าการลงทุน 54,000 ล้านบาท ภายใต้ "เมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์" ตั้งอยู่บนที่ดินโค้งแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 750,000 ตร.ม. แบ่งเป็น ไอคอนสยาม 500,000 ตร.ม. และไอคอนลักซ์ 250,000 ตร.ม. และคอนโดมิเนียม 2 อาคาร ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล พร้อมพื้นที่สาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาขนาดใหญ่และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีทอง
            ถัดมา...วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน (วิสซ์ดอม 101) จากค่ายแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ ภายใต้แนวคิดคอมมูนิตี้แห่งอนาคตขนาด 43 ไร่ มูลค่าลงทุน 30,000 ล้านบาท บนถนนสุขุมวิท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี ได้แก่ พื้นที่โครงการที่พักอาศัย 3 อาคาร พื้นที่ร้านค้า พื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่ สโมสรกีฬาและสุขภาพและภายในโครงการยังมีเลนจักรยานและลู่วิ่งลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย หรือ "วิสซ์ดอม แทร็ก" ที่วิ่งผ่านทั้งพื้นที่ในอาคารและนอกอาคารได้ด้วย
ยึดทำเลหัวมุมถนนหลัก
            เช่นเดียวกับ 'สิงห์ คอมเพล็กซ์" พัฒนาโครงการโดย บมจ.สิงห์เอสเตท ตั้งอยู่ทำเลที่ดีที่สุดในเขตธุรกิจติดหัวมุมอโศก-เพชรบุรี มูลค่าลงทุน 4,255 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน ขนาดพื้นที่ 11 ไร่ ได้แก่ อาคารสำนักงานเกรดเอ และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ตัวอาคารสูง 42 ชั้น รวมทั้งอาคารคอนโดมิเนียม สูง 39 ชั้น การเดินทางสามารถเข้าถึงทุกช่องทาง ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรีหรือจะเป็นแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เรือด่วน ถนนสายหลัก และทางด่วนพิเศษ เป็นต้น
            ขณะที่ 'สามย่าน มิตรทาวน์" พัฒนาโครงการโดย บมจ.แผ่นดิน ทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ บริษัทของเจ้าสัว 'เจริญ สิริวัฒนภักดี" มูลค่าลงทุน 8,500 ล้านบาท อยู่บนหัวมุมถนนพญาไท พระราม 4 พื้นที่ใช้สอยรวม 222,000 ตร.ม. ได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และรีเทล ภายใต้แนวคิด 24 ชั่วโมง เจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน นักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่าน
            ย่านหรู-หลังสวน
            ด้านโครงการ 'สินธร วิลเลจ" เกิดขึ้นจากนโยบายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มอบหมายให้บริษัท สยามสินธร พัฒนาโครงการขนาด 52 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนหลังสวนย่านหรูใจกลางเมืองที่ตรงข้ามกับสวนลุมพินี มูลค่าลงทุน 55,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารสินธร เรสซิเดนซ์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ พื้นที่ให้เช่าเพื่อการค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
            'เดอะ ฟอเรสเทียส์" พัฒนาโครงการโดย แมกโนเลียควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ มูลค่าลงทุน 90,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด "ให้ทุกคน ได้ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน" รายล้อมด้วยที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล อาคารสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต ศูนย์เรียนรู้และการสร้างธรรมชาติระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
            3 โครงการยักษ์ถนนพระราม 4
            ส่วน 'เดอะ ปาร์ค" พัฒนาโครงการโดย ทีซีซี แอสเซ็ท(ประเทศไทย) อีกหนึ่งโปรเจคท์ใหญ่ของเจ้าสัวเจริญ มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลติดถนนพระราม 4 ติดกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์สิริกิติ์และสวนเบญจ กิติ ภายใต้แนวคิด "การใช้ชีวิตอย่างสมดุลมุ่งยกระดับการทำงานและการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ" ได้แก่ พื้นที่สำนักงานเกรดเอแหล่งรวมร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เกต และศูนย์อาหาร บนพื้นที่ 12,000 ตร.ม. และคิว การ์เด้น สวนลอยฟ้าขนาด 3,400 ตร.ม. เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดและตกแต่งด้วยธารน้ำ
            ขณะที่ "วัน แบงค็อก" พัฒนาโครงการโดย ทีซีซี แอสเซ็ท(ประเทศไทย) และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)โครงการขนาดใหญ่ของเจ้าสัวเจริญ มูลค่าลงทุน 120,000 ล้านบาทเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดในประเทศไทย ขนาดบนพื้นที่ 104 ไร่ บริเวณหัวมุมถนนพระรามที่ 4 และถนนวิทยุ เดิมทีเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเตรียมทหารและสวนลุมไนท์บาซาร์ ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ 5 อาคาร, พื้นที่รีเทล 4 โซน, โรงแรม 5 แห่ง,คอนโดมิเนียม และพื้นที่สีเขียว 50 ไร่
            นอกจากนี้ 'ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" พัฒนาโครงการโดยภายใต้การร่วมทุนของ บมจ.ดุสิตธานี และบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา มูลค่าลงทุน 36,700 ล้านบาท บนที่ดินขนาด 23 ไร่ บริเวณหัวมุมถนนพระราม 4 ตัดถนนสีลมตรงข้ามกับสวนลุมพินี ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี แห่งใหม่ อาคารที่พักอาศัยดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์, อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซสและศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค
แห่ลงทุนรอเศรษฐกิจฟื้น
"ธนพล ศิริธนชัย" ประธานอำนวยการบมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ผู้ประกอบการจะเลือกลงทุนมิกซ์ยูสเพราะการพัฒนาใช้เวลานาน และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ละโครงการก็จะแล้วเสร็จทันที การทำมิกซ์ยูส เพราะมีขนาดพื้นที่มาก และส่วนใหญ่เป็นลักษณะการเช่าระยะยาว จากหน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัยหรือองค์กรมูลนิธิต่าง ๆ สร้างความคุ้มค่ามากกว่า
            หลังจากนี้เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งหากอภิมหาโครงการมิกซ์ยูสทั้งหมดเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบจะผลักดันให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองหลวงชั้นนำระดับโลกได้หรือไม่ที่สำคัญต้องติดตามการแข่งขันของอุตสาหกรรมนี้จะฟาดฟันดุเดือดแย่งชิงผู้ใช้บริการมากน้อยเพียงใด?คงต้องติดตาม