SEAFCOย้ำรายได้นิวไฮ3พันล้าน ตุนแบ็กล็อก 2.33 พันล้าน จ่อรับงานใหม่เพียบ
Loading

SEAFCOย้ำรายได้นิวไฮ3พันล้าน ตุนแบ็กล็อก 2.33 พันล้าน จ่อรับงานใหม่เพียบ

วันที่ : 26 สิงหาคม 2562
“ซีฟโก้” มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่งนิวไฮ 3 พันล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 2,337 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ครึ่งปีหลังกว่า 1,400 ล้านบาท คาดหนุนกำไรนิวไฮ พร้อมรับปัจจัยบวกยาวถึงปีหน้า ลุ้นรัฐคลอดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม เล็งขยายงานในต่างประเทศ
        “ซีฟโก้” มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่งนิวไฮ 3 พันล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 2,337 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ครึ่งปีหลังกว่า 1,400 ล้านบาท คาดหนุนกำไรนิวไฮ พร้อมรับปัจจัยบวกยาวถึงปีหน้า ลุ้นรัฐคลอดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม เล็งขยายงานในต่างประเทศ

          นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ  SEAFCO เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และไปถึงปี 2563 คาดว่าบริษัทยังมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง สาเหตุมาจากหลายปัจจัยบวกที่เข้ามา โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

          โดยบริษัทมั่นใจว่าในปี 2562 รายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม  2,789 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 368 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่แล้วประมาณ 2,337 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 1,400 ล้านบาท ดังนั้นมั่นใจว่ารายได้ปี 2562 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท

          นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ยังมีงานที่จะร่วมประมูลอีกจำนวนมาก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมยื่นประมูลงานใหม่กว่า 91 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการทางด่วนพระราม 3 ที่เหลือเป็นโครงการของภาคเอกชน ทำให้บริษัทมีโอกาสได้งานเข้ามาเติม Backlog ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 33% จากต้นปี 2562 อยู่ในระดับ 30%

          “บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮ และยังมองไปถึงปีหน้าว่ายังมีปัจจัยบวกที่ทำให้รายได้ของบริษัทนิวไฮได้อีก ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มแบ็กล็อก และทำให้รายได้ปีหน้าเป็นไปตามแผน โดยตั้งเป้าเติบโตปีละ 10%” นายณรงค์ กล่าว

          อย่างไรก็ตามโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐหลังจากนี้ไปจนถึงปี 2563 คาดว่าจะมีงานออกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงยังเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้บริษัทได้ในระยะยาว ส่วนภาวะการแข่งขันในปัจจุบันมองว่าโครงการระดับเล็กถึงกลางนั้นมีการแข่งขันที่สูงขึ้นแต่ไม่มีผลกระทบกับบริษัท เนื่องจากบริษัทรับงานโครงการขนาดใหญ่ปริมาณงานยังมีมาก

          ส่วนการแข่งขันจากบริษัทจีนที่เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นนั้น ยอมรับว่ามีการแข่งขันในธุรกิจที่เข้มข้นขึ้น แต่บริษัทไม่ได้กังวล เพราะคงไม่เข้าไปแข่งขันเพื่อลดราคา ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งและมีลูกค้าที่มั่นใจในคุณภาพสินค้าของบริษัท และหากบริษัทไม่ได้รับงานดังกล่าว ก็สามารถหันไปรับงานอื่นเพิ่มขึ้น อาทิ งานอาคาร โครงการรูปแบบมิกซ์ยูส

          นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างขยายงานในต่างประเทศ จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทำโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสในประเทศ    เมียนมา มูลค่า 189 ล้านบาท และมีโอกาสขยายงานเพิ่มเติมในเมียนมา ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างเจรจารับงานโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในประเทศกัมพูชาผ่านผู้รับเหมาไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งยังมีโอกาสขยายเข้าไปรับงานในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันพันธมิตรของบริษัทได้เข้าประมูลงานโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหากพันธมิตรได้งานดังกล่าว บริษัทจะเข้าไปรับงานในรูปแบบซับคอนแทรค โดยยังไม่สามารถตอบได้ว่ามูลค่าโครงการที่เท่าไร เนื่องจากต้องรอความชัดเจนจากพันธมิตรก่อน

          ขณะที่ในปี 2562 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 150 ล้านบาท เพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มในครึ่งปีหลัง โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนซื้อรถเครนเพื่อเสริมกำลังการผลิตและลดต้นทุนในการเช่ารถเครน ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้า คาดว่ายังคงมีงานโครงการใหม่ออกมาต่อเนื่อง ตามนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล แต่บริษัทคาดว่ายังคงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน
 

 

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ