คลังไม่ทิ้งกลุ่มอสังหาฯ ลุ้นออกมาตรการกระตุ้นอีก 2-3 เดือน
Loading

คลังไม่ทิ้งกลุ่มอสังหาฯ ลุ้นออกมาตรการกระตุ้นอีก 2-3 เดือน

วันที่ : 23 สิงหาคม 2562
“อุตตม” ยันไม่ทิ้งภาคอสังหาฯ ขอเวลา 2-3 เดือน หากจำเป็นอาจมีมาตรการดูแล ยอมรับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการ LTV มองสมเหตุสมผล เอกชนต้องปรับตัว ระบุ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.1 แสนล้านดันจีดีพีปีนี้โตเกิน 3% แน่นอน
          “อุตตม”  ยันไม่ทิ้งภาคอสังหาฯ ขอเวลา 2-3 เดือน หากจำเป็นอาจมีมาตรการดูแล ยอมรับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการ LTV มองสมเหตุสมผล เอกชนต้องปรับตัว ระบุ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.1 แสนล้านดันจีดีพีปีนี้โตเกิน 3% แน่นอน

          นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้มองว่ายังไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพื่อมาดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ ขอเวลาอีก 2-3 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากจำเป็นก็จะมีการพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

          สำหรับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยส่วนตัว เชื่อว่าธปท.มองว่าสมเหตุสมผลจึงออกมา ซึ่งขณะนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัว และเชื่อว่าปรับตัวได้ ขณะที่ธปท.เองก็มีการปรับเงื่อนไขบางรายการแล้ว

          ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาท จะเป็นชุดมาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากมองว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลง ธนาคารโลกเริ่มปรับคาดการณ์จีดีพีโลกลดลง การส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบหนักจากสงครามการค้า

          ทั้งนี้มาตรการที่ออกมานั้น ไม่ใช่แค่บรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอก แต่ต้องการขับเคลื่อน และมีเป้าหมายคือ เศรษฐกิจจะต้องหมุนเวียน ขณะเดียวกัน คนไทยจะต้องเชื่อมั่น ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเร่งช่วยเหลือทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนฐานราก ประชาชนทั่วไป ภาคการเกษตร และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี โดยรัฐบาลมองว่า จากการออกมาตรการดังกล่าว จะส่งผลให้จีดีพีปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 3% แน่นอน

          ด้านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 1,000 บาทออกไปจับจ่ายใช้สอยนั้น คาดว่าจะทำให้คนออกไปเที่ยวจับจ่ายใช้สอย เกิดการหมุนเวียนในระบบ

          สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2563 หวังว่าจะสดใสจากปีนี้ แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวคลี่คลาย เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก แต่สิ่งสำคัญ คือ การเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ เพื่อรองรับกับปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจจะเกิดขึ้น

          นายอุตตม ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง พ.ร.บ.สถาบันการเงินประชาชน สร้างความเข้มแข็งชุมชน ว่า พ.ร.บ.สถาบันการเงินประชาชน ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ความสำคัญของพ.ร.บ.ฉบับนี้ คือทำให้ประชาชน ชุมชน สามารถบริหารการออม และดำเนินธุรกรรมทางการเงินหลัก ๆ ภายใต้การดำเนินงานของสถาบันการเงินที่ประชาชนในชุมชนรวมตัวกันจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้ประชาชนในแต่ละชุมชน สามารถรวมตัวกันถือหุ้น ตั้งสถาบันการเงินในชุมชน และยื่นขอจดทะเบียนกับนายทะเบียน ซึ่งในที่นี้คือผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

          ด้านการกำกับดูแลและพัฒนา เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง และกรมพัฒนาชุมชน ร่วมกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีธนาคารพี่เลี้ยง คอยช่วยเหลือแนะนำการจัดตั้งสถาบันการเงินประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ควบคู่กับการดูแลพัฒนาสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นอย่างใกล้ชิด

          ขณะที่สถาบันการเงินประชาชนดังกล่าว ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้หลัก ๆ คือ รับฝาก ปล่อยสินเชื่อ ตลอดจนสามารถเป็นตัวแทนชำระเงินหรือโอนเงินให้กับประชาชน รวมทั้งสามารถบริหารเงินฝากได้เอง เป็นต้น