“เอพี” ตุนแบ็กล็อก 54,898 ล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้กว่า 15,527 ล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 26,800 ล้านบาท ดันยอดขายปีนี้แตะ 41,800 ล้านบาท หลัง 7 เดือนแรกกวาดยอดขายแล้วกว่า 24,060 ล้านบาท

                นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า มั่นใจรายได้รวมปี 2562 จะเป็นไปตามเป้าหมาย 35,900 ล้านบาท โดยจะเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 20,500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 บริษัทมีสินค้ารอโอน (Backlog) รวมมูลค่า 54,898 ล้านบาท

                สำหรับ Backlog ดังกล่าว แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 9,543 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 2562 และเป็นโครงการคอนโดมิเนียม (รวมโครงการร่วมทุน) จำนวน 45,355 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง จำนวน 4,899 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ประมาณ 1,873 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมร่วมทุน จำนวน 40,456 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ประมาณ 4,111 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป

                ส่วนยอดขายสะสม (Presale) ในช่วง 7 เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม 2562) อยู่ที่ 24,060 ล้านบาท คิดเป็น 57% ของเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีที่ตั้งไว้ 41,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 10,060 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ จำนวน 14,000 ล้านบาท เฉลี่ยยอดขายแนวราบต่อสัปดาห์ประมาณ 451 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างมาก ทั้งนี้ ยอดขายแนวราบดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าและบริการในเครือ AP

                ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมมูลค่า 26,800 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบใหม่รวมจำนวน 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,800 ล้านบาท เป็นโครงการประเภทบ้านเดี่ยว จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,690 ล้านบาท และโครงการประเภททาวน์เฮ้าส์ จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,110 ล้านบาท

                โดยในช่วงวันที่ 7-8 กันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท เป็นโครงการบ้าน Luxury Duplex Home 3 ชั้นสุดหรู (บ้านแฝด) จำนวน 56 ยูนิต บนพื้นที่ 12 ไร่ ขนาดที่ดินตั้งแต่ 40-73 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยสูงสุด 249 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ มีพื้นที่รับรองแขก ห้องรับประทานอาหาร พื้นที่ครัว ห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัว และ 2 ที่จอดรถ พร้อมคลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ รูฟท็อปบาร์ และพื้นที่สีเขียวที่ผสานทุกกิจกรรมของทุกเจเนอเรชั่นของครอบครัวได้อย่างครบครัน ราคาเริ่มต้นที่ 12-15 ล้านบาทต่อยูนิต ปัจจุบันมียอดผู้ลงทะเบียนสนใจแล้วกว่า 300 ราย คาดจะส่งมอบโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/2563

                ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนเกณฑ์ของมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ในส่วนของผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกัน ให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ และไม่ถูกจัดเป็นผู้ซื้อสัญญาที่ 2 ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ให้กลับมาคึกคักมากขึ้น