GOLD เผย FPT จ่ายเงินทำเทนเดอร์ฯ หุ้น GOLD วันนี้ และจะประกาศผล 15 ส.ค.นี้ ด้านธุรกิจชี้ไตรมาส 4 เปิดเพิ่มอีก 13 โครงการมูลค่ารวม 13,300 ล้านบาท คาดหนุนผลงานปี 61/62 มีรายได้รวม 17,000 ล้านบาทตามเป้า

          นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า ในวันนี้ (วันที่ 14 ส.ค.2562) ทางบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT จะดำเนินการจ่ายเงินหลังการเข้าซื้อกิจการของ GOLD ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer)

          พร้อมกำหนดประกาศผลการทำเทนเดอร์ฯ อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 15 ส.ค. 2562) หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 มีมติอนุมัติการทำเทนเดอร์ฯ GOLD ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,323.72 ล้านหุ้น ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 8.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมจำนวน 19,751.62 ล้านบาท

          ทั้งนี้ ทางผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ก็ได้มีการขายหุ้นทั้งหมดใน GOLD จำนวน 912.83 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 39.28% ออกไปแล้ว และผู้ถือหุ้นเป็นบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้นอยู่แล้ว จำนวน 927,642,930 หุ้น หรือคิดเป็น 39.92%

          ดังนั้นทาง FPT มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งทางตรง และทางอ้อม ตามที่กล่าวมาข้างต้นแน่แล้วประมาณ 80% ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ขึ้นอยู่กับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยมีการขายหุ้นออกมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งมองว่า GOLD มีโอกาสที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้นสูงมาก

          ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561/2562 (ก.ค.-ก.ย. 2562) บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 13,300 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 2 โครงการในเดือน ก.ค. 2562) โดยเตรียมเปิดให้บริการ “สามย่านมิตรทาวน์” ในวันที่ 20 ก.ย. 2562 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราจองพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์แล้ว 45% และอัตราจองเช่าพื้นที่ร้านค้า 85% ขณะที่ในส่วนของโรงแรม ขนาด 102 ห้อง และคอนโดมิเนียม 516 ยูนิต จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 1 ก.ย. 2562

          นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561/2562 (เดือน ต.ค. 2561 –มิ.ย. 2562) บริษัทได้ดำเนินการเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจะส่งผลให้ในปี 2561/2562 บริษัทจะดำเนินการเปิดโครงการใหม่  24 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท

          ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ดำเนินการซื้อที่ดินไปแล้ว 7,000 ล้านบาท จากที่ตั้งงบลงทุนในปี 2561/2562 ไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต

          สำหรับปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 5,800 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และมีสินค้าเหลือขาย (สต๊อก) รวมประมาณ 4,300-4,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยทำการตลาดระบายสต๊อกออกอย่างต่อเนื่อง

          ดังนั้นบริษัทมั่นใจในปี 2561/2562 จะมีรายได้รวม 17,000 ล้านบาท และมียอดขาย (Presale) 31,700 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกสามารถสร้างรายได้รวมแล้ว 13,018 ล้านบาท และมียอดขาย 21,800 ล้านบาท หลังจากยอดขายโครงการต่าง ๆ มีการขยายตัวมากกว่าอุตสาหกรรม และการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงมีรายได้ประจำกว่า 10% ช่วยหนุนงบการเงินรวมได้เป็นอย่างดี