ปาล์มสปริงส์ ทุ่ม500ล.บ้านลักเซอรี่หางดง
Loading

ปาล์มสปริงส์ ทุ่ม500ล.บ้านลักเซอรี่หางดง

วันที่ : 31 กรกฎาคม 2562
"ปาล์มสปริงส์" เดินหน้ารุกหนักตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ ทุ่มกว่า 500 ล้านบาท ปักหมุดทำเลฮอตโซนหางดง ลุยโครงการบ้านลักเซอรี่ระดับราคา 30 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ "Privato" เพียง 39 ยูนิต เจาะฐานลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ตลาดเอเชีย ชี้แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดบ้านหรูมีกำลังซื้อจริง เผยยอดขาย เฟสแรกฉลุย 27% คาดรัฐบาลใหม่จะผลักดันเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้เติบโตมากขึ้น
          ปาล์มสปริงส์" เดินหน้ารุกหนักตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ ทุ่มกว่า 500 ล้านบาท ปักหมุดทำเลฮอตโซนหางดง ลุยโครงการบ้านลักเซอรี่ระดับราคา 30 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ "Privato" เพียง 39 ยูนิต เจาะฐานลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ตลาดเอเชีย ชี้แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดบ้านหรูมีกำลังซื้อจริง เผยยอดขาย เฟสแรกฉลุย 27% คาดรัฐบาลใหม่จะผลักดันเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้เติบโตมากขึ้น

          นายอดิศักดิ์ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาล์มสปริงส์ เพลซ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัท เดินหน้าทำโครงการบ้านลักเซอรี่ (luxury) คือ โครงการ "Palmsprings Privato มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ติดถนนสายเชียงใหม่-หางดง นับเป็นโครงการที่ 16 จากโครงการทั้งหมด ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีจำนวนบ้านเพียง 39 ยูนิตเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ในรูปแบบ modern luxury ราคาตั้งแต่ 12-30 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถปิดการขายได้แล้ว 4 ยูนิตในเฟสแรก (15 หลัง) คิดเป็น 27% คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการประมาณเดือนธันวาคมปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนสำหรับโครงการใหม่ คาดว่าจะเปิดขายภายในปีนี้

          "แม้เศรษฐกิจปี 2562 มีการชะลอตัว ค่อนข้างมาก แต่การเลือกลงทุนทำบ้านหรูระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้ออยู่จริง โดยต้องคัดสรรโปรดักต์ใหม่ที่สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ให้ได้ โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ความเรียบหรู ของโครงการที่ลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการ โดยวัสดุเกรดพรีเมี่ยม อาทิ ประตูไม้สักทั้งบาน ระบบความปลอดภัย กล้องวงจรปิดทั้งหลังสูงสุด 5 ตัว บานประตูหน้าต่าง Tostem เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นออกแบบเพื่อป้องกันการงัดแงะ และทำลาย ลดเสียงดังจากภายนอก และที่พิเศษสุด คือ บ้านทุกหลังมี สระว่ายน้ำ (pool villa)"
          นายอดิศักดิ์กล่าวว่า กลุ่ม Palmsprings ประสบความสำเร็จจากโครงการแรกที่เป็นบ้านหรู ต่อมาจึงทำเป็น fighting brand คือ The Urbana by Palmsprings ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดได้ดำเนินงานมาครบรอบ 30 ปี กลุ่ม Palmsprings จึงได้กลับมาทำบ้านหรูอีกครั้งในชื่อของ Palmsprings Privato ซึ่งต้องการตอกย้ำถึงความสำเร็จจากที่ผ่านมา

          นายอดิศักดิ์กล่าวต่อว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ในขณะนี้ ตลาดยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย เพราะบ้านเป็นปัจจัย 1 ใน 4 ที่ลูกค้าต้องการ โดยบริษัทได้มีการปรับตัว และปรับปรุงพัฒนาสินค้าให้ออกมา เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญมาตลอดการทำธุรกิจด้านอสังหาฯ คือ คุณภาพของบ้านที่ Palmsprings ส่งมอบให้กับลูกค้าจึงยืนหยัดอยู่ในตลาดถึงกว่า 30 ปี และพัฒนาบริการหลังการขายไปพร้อม ๆ กัน เพื่อรองรับลูกบ้านของโครงการอีกด้วย ด้านการแข่งขันและการขายอาจมีผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีมาตรการ LTV เข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรายบุคคล สำหรับตลาดกลางลงล่าง ซึ่งสำหรับโครงการระดับ hi-end จะมีผลกระทบ น้อยมาก

          ส่วนผลกระทบจากกลุ่มลูกค้าคนจีน ยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกค้าจีนเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันทาง Palmsprings ต้องมีการปรับตัวเป็นอย่างมาก ต้องหากลุ่มตลาดคนไทย และตลาดทางเลือก ซึ่งจีนเป็น 1 ใน target ของ Palmsprings ในอนาคต ขณะเดียวกันโครงการ Palmsprings ได้ทำ product มาเพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งไทย ต่างชาติ ทั้งยุโรปและเอเชีย ที่มี lifestyle การใช้ชีวิตระดับ hi-end ซึ่งเราไม่ได้มองแค่ตลาดจีนอย่างเดียว แต่มองไปถึงระดับเอเชีย ซึ่งต้องมีการปรับตัว และปรับปรุงบ้านให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งเรื่องการออกแบบฟังก์ชั่นการ ใช้งาน การใช้วัสดุ รวมถึงการก่อสร้างที่ มีคุณภาพ

          ในส่วนของทิศทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจากนี้เชื่อว่า รัฐบาลใหม่จะผลักดัน เศรษฐกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่ออสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ เช่น การท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ (การขยายสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย) อีกทั้งรัฐบาลยังมีการประกาศมาตรการจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาฯเฉพาะกลุ่ม เช่น บ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอกับคนส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ออกมาช่วยทุกกลุ่ม เพราะที่ผ่านมามาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านเป็นหลังที่ 2 ขึ้นไปต้องวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้น และไม่สามารถยื่นกู้ได้เต็ม 100% ซึ่งมีผลกระทบกับโครงการบ้าน สำหรับโครงการในระดับกลางลงล่าง เช่น โครงการ The Urbana+3 เหลือขายอยู่เพียง 3 ยูนิตเท่านั้น
 

 

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ